

คำสอนเรื่องการสวดภาวนา: 36 – พระเยซูคริสต์คือแบบฉบับและจิตวิญญาณแห่งการสวดภาวนาทุกประเภท
อรุณสวัสดิ์ลูกๆ และพี่น้องชายหญิงที่รักทั้งหลาย
พระวรสารแสดงให้พวกเราเห็นว่าการสวดภาวนานั้นเป็นพื้นฐานในความสัมพันธ์ระหว่างพระเยซูคริสต์กับบรรดาศิษย์ของพระองค์ นี่ปรากฏให้เห็นแล้วในการเลือกสรรผู้ใดจะกลายเป็นอัครธรรมทูต นักบุญลูกาใช้วิธีการเลือกบรรดาศิษย์ของพระเยซูคริสต์ในบริบทแห่งการสวดภาวนา ซึ่งลูกากล่าวว่า “ในวันเหล่านี้พระองค์เสด็จไปยังภูเขาเพื่อสวดภาวนา ตลอดคืนพระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาต่อพระบิดา และเมื่อถึงเวลากลางวันพระองค์ทรงเรียกบรรดาศิษย์มาและทรงเลือก 12 คนจากหมู่พวกเขา ซึ่งพระองค์ทรงแต่งตั้งให้เป็นอัครธรรมทูต” (ลูกา 6: 12-13) พระเยซูคริสต์ทรงเลือกอัครธรรมทูตหลังจากที่อธิษฐานภาวนาตลอดทั้งคืน ดูเหมือนว่าไม่มีมาตรการใดในการเลือกนี้นอกจากการสวดภาวนา เป็นการเสวนาระหว่างพระเยซูคริสต์กับพระบิดา เมื่อพิจารณาดูว่า บุรุษเหล่านั้นประพฤติตนอย่างไร ดูเหมือนว่าการเลือกดังกล่าวไม่ได้เป็นวิธีที่ดีที่สุดเนื่องจกาพวกเขาต่างก็หลบหนีและละทิ้งพระองค์ไว้ให้อยู่ตาลำพัง ก่อนที่พระองค์จะต้องรับการทรมาน แต่เป็นเพราะเหตุนี้นี่เองโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับยูดาสผู้ทรยศ ที่พระเยซูคริสต์แสดงให้เห็นว่าชายเหล่านั้นได้ถูกจารึกลงในแผนการณ์ของพระเจ้าแล้ว
การอธิษฐานภาวนาเพื่อบรรดามิตรสหายของพระองค์ปรากฏอยู่ในชีวิตของพระเยซูคริสต์เสมอ บางครั้งอัครธรรมทูตกลายเป็นต้นหตุในความห่วงใยสำหรับพระองค์ แต่พระเยซูคริสต์ทรงยอมรับพวกเขามาจากพระบิดาหลังจากการอธิษฐานภาวนา พระองค์จึงรักษาพวกเขาไว้ในดวงพระทัยของพระองค์ แม้กระทั่งความผิดพลาดของพวกเขาและแม้กระทั่งเมื่อพวกเขาล้มลง ในสิ่งเหล่านี้พวกเราพบว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นทั้งพระอาจารย์และเป็นกัลยาณมิตร ทรงเต็มพระทัยที่จะรอคอยด้วยความอดทนให้ศิษย์ของพระองค์กลับใจ จุดสูงสุดแห่งการรอด้วยความอดทนนี้อยู่ที่ “เครือข่าย” แห่งความรักที่พระองค์ถ่ายทอดให้กับเปโตร ในการเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้าย พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ซีมอน ซีมอน จงฟังนะ” พระวาจาที่พระเราได้ยินตอนแรก “ซาตานตั้งใจที่จะโจมตีเปโตร ซาตานอาจร่อนท่านเหมือนกับร่อนข้าวสาลี ทว่าเราได้อธิษฐานสำหรับท่าน เพื่อที่ท่านจะไม่สูญเสียความเชื่อ และเมื่อท่านตั้งตัวได้แล้วก็จงสร้างความเข้มแข็งให้กับบรรดาพี่น้องของท่านด้วย” (ลก. 22: 31-32) นี่เป็นสิ่งที่น่าประทับใจที่ทราบว่าในเวลานั้นช่วงที่เกิดมีความอ่อนแอเปราะบาง ความรักของพระเยซูคริสต์ไม่ได้หยุดที่จะรักพวกเรา “ข้าแต่บิดา หากลูกตกอยู่ในบาปหนัก พระเยซูคริสต์จะรักลูกหรือไม่? – “รักสิ” – “แล้วพระเยซูคริสต์ยังจะยังทรงภาวนาสำหรับลูกไหม?” – “ภาวนาสิ” – “แต่หากลูกได้กระทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุด หรือร้ายกว่านั้นอีกลูกทำบาปหนักมากมาย… พระเยซูคริสต์จะอธิษฐานภาวนาเพื่อลูกไหม? “แน่นอนที่สุด” เพราะความรักในการอธิษฐานภาวนาของพระเยซูคริสต์สำหรับพวกเราแต่ละคนไม่มีวันสิ้นสุด แต่ยิ่งจะเพิ่มมากขึ้นไปอีกจนพวกเรากลายเป็นศูนย์กลางแห่งการอธิษฐานของพระองค์ พวกเราต้องรับรู้เรื่องนี้ให้ดี พระเยซูคริสต์ทรงอธิษฐานภาวนาสำหรับพวกเราแต่ละบุคคล ขณะนี้พระองค์กำลังอธิษฐานภาวนาอยู่เบื้องพระพักตร์พระบิดา และทรงกระทำให้พระบิดาทอดพระเนตรบาดแผลที่พระองค์ทรงได้รับเพื่อแสดงให้พระบิดาเห็นถึงราคาค่างวดแห่งการไถ่กู้เพื่อพวกเรา นี่เป็นความรักที่พระองค์ทรงมีให้กับพวกเรา ณ เวลานี้ให้พวกเราคิดว่า พระเยซูคริสต์กำลังอธิษฐานภาวนาเพื่อลูกหรือไม่? พระองค์ทรงอธิฐานเพื่อพวกเราแน่นอน นี่เป็นความแน่นอนยิ่งใหญ่ที่พวกเราทุกคนต้องเชื่อ
การอธิษฐานภาวนาของพระเยซูคริสต์จะมาตรงเวลา ณ วินาทีที่มีความสำคัญในการเดินทางของพระองค์ นั่นคือการสร้างความเชื่อให้กับบรรดาศิษย์ของพระองค์ ขอให้พวกเราลองฟังนักบุญลูกาผู้นิพนธ์พระวรสารอีกครั้งหนึ่ง “ในขณะที่พระเยซูคริสต์กำลังอธิษฐานภาวนาตามลำพัง บรรดาศิษย์ล้วนอยู่กับพระองค์ แล้วพระองค์ทรงถามพวกเขาว่า ‘ประชาชนพูดกันว่าเราเป็นผู้ใด?’ พวกเขาตอบว่า ‘จอห์น บัปติสต์ แต่บางคนก็บอกว่าเป็นเอลียาห์ แล้วคนอื่น ๆ ก็บอกว่าเป็นประกาศกโบราณคนหนึ่งที่กลับคืนชีพมา’ แล้วพระองค์ก็ถามพวกเขาว่า ‘ทว่าพวกท่านคิดว่าเราเป็นผู้ใด?’ เปโตรตอบแทนทุกคนว่า ‘เป็นพระคริสต์ของพระเจ้า’ แต่พระองค์ทรงกำชับไม่ให้เขาพูดเรื่องนี้กับผู้ใด” (ลูกา 9: 18-21) นั่นคือ จุดเปลี่ยนที่สำคัญในพันธกิจของพระเยซูคริสต์ ซึ่งจะเริ่มด้วยการอธิษฐานภาวนาก่อนเสมอ ไม่ใช่สวดแบบขอไปทีแต่เป็นการสวดที่จริงจังอย่างยาวนาน พวกเราสังเกตว่าจะมีการภาวนาอยู่เสมอในเวลาที่มีความสำคัญเหล่านั้น การพิสูจน์ถึงความเชื่อนี้ดูเหมือนจะเป็นเป้าหมาย นี่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการฟื้นฟูสำหรับบรรดาศิษย์ เพราะบัดนั้นเป็นต้นไปเป็นเหมือนกับว่าพระเยซูคริสต์ทรงเริ่มวิธีการใหม่ในพันธกิจของพระองค์ด้วยพูดอย่างเปิดเผยถึงการทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนชีพของพระองค์ให้กับพวกเขา
พร้อมกับโอกาสนี้ที่ก่อให้เกิดขึ้นโดยสัญชาติญาณกับบรรดาศิษย์และกับผู้ที่อ่านพระวรสาร การอธิษฐานภาวนาจึงเป็นบ่อเกิดแหล่งเดียวแห่งแสงสว่างและพละกำลัง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่พวกเราจะต้องสวดภาวนาอย่างเข้มข้นทุกครั้งที่ดูเหมือนเดินบนถนนและไต่ขึ้นภูเขา
ที่จริงหลังการประกาศต่อบรรดาศิษย์ว่าเหตุการณ์ใดบ้างกำลังรอคอยพระองค์ที่กรุงเยรูซาเล็ม เหตุการณ์การประจักษ์พระวารกายอย่างรุ่งโรจน์ของพระองค์ก็ได้ปรากฎขึ้น พระเยซูคริสต์ “ทรงนำเปโตร จอห์นและยากอบขึ้นไปบนภูเขาเพื่อสวดภาวนา ในขณะที่พระองค์กำลังอธิษฐานภาวนาอยู่นั้นพระพักตร์ของพระองค์เปลี่ยนไป อาภรณ์ของพระองค์กลายเป็นสีขาวเปล่งรัศมีเจิดจ้า และมีบุรุษสองคนกำลังสนทนากับพระองค์ได้แก่โมเสสและเอลียาห์ ซึ่งปรากฏองค์ในความสิริรุ่งโรจน์และสนทนากับพระองค์ถึงการที่จะเสด็จกลับไป ณ ที่ซึ่งพระองค์จะทรงทำให้ทุกสิ่งสำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม” (ลูกา 9: 28-31) กล่าวคือมหาทรมาน เพราะฉะนั้นการเผยแสดงให้เห็นล่วงหน้าถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเยซูคริสต์เกิดขึ้นในการอธิฐานภาวนาในขณะที่พระบุตรทรงดื่มด่ำอยู่ในความเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา และทรงเต็มพระทัยในพระประสงค์แห่งความรัก และในแผนการแห่งความรอดของพระองค์ และจากการอธิษฐานภาวนานั้นปรากฏซึ่งคำพูดที่ชัดเจนกับบรรดาศิษย์ทั้งสามคน “นี่คือพระบุตรของเรา ผู้ที่ได้รับการเลือกสรรจากเรา จงฟังพระองค์เถิด” (ลก. 9: 35) จากการอธิษฐานภาวนาตามมาด้วยการเชื้อเชิญให้พวกเราฟังพระเยซูคริสต์ ซึ่งเกิดจากการสวดภาวนาเสมอ
จากการเดินทางอันรวดเร็วโดยอาศัยพระวรสารนี้ พวกเราเรียนรู้ว่าพระเยซูคริสต์ไม่เพียงแต่จะต้องการให้พวกเราสวดภาวนาอย่างที่พระองค์ทรงสวดเท่านั้น แม้ว่าความพยายามสวดภาวนาของพวกเราจะดูเหมือนไร้สาระและขาดซึ่งประสิทธิภาพ พวกเราก็ยังสามารถที่จะเชื่อได้กับการอธิษฐานของพระองค์ พวกเราต้องรับรู้อย่างดีถึงเรื่องนี้ให้ดี พระเยซูคริสต์ทรงอธิษฐานสำหรับพวกเรา ครั้งหนึ่งมีบิชอปองค์หนึ่งบอกพ่อในช่วงที่ชีวิตของท่านตกต่ำแย่ที่สุด ท่านตกอยู่ในการทดลองที่หนักหน่วงมาก ซึ่งทุกสิ่งล้วนมืดมน ในอาสนวิหารท่านช้อนสายตาขึ้นเบื้องบนและเห็นประโยคหนึ่งที่เขียนว่า “เราเปโตรจะอธิษฐานภาวนาสำหรับท่าน” นี่ทำให้ท่านเกิดมีพลังและมีความบรรเทาใจ และนี่จะเกิดขึ้นทุกครั้งที่ใครก็ตามในพวกเราทราบว่าพระเยซูคริสต์ทรงอธิษฐานภาวนาสำหรับพวกเรา พระเยซูคริสต์ทรงภาวนาสำหรับพวกเราในเวลานี้ ณ ขณะนี้ จงจำสิ่งนี้แล้วนำไปปฏิบัติซ้ำแลวซ้ำอีก เมื่อเผชิญความยากลำบาก เมื่อลูก ๆ รู้สึกมีแรงถ่วงที่ทำให้ลูก ๆ วักแวก พระเยซูคริสต์กำลังอธิษฐานภาวนาเพื่อลูกแต่ละคน แต่สันตะบิดรครับ นี่เป็นความจริงหรือ? นี่เป็นความจริงแน่นอน! เพราะพระองค์เป็นผู้ตรัสเอง พวกเราต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่ทำนุบำรุงชีวิตของพวกเราแต่ละคนนั้นเป็นการอธิษฐานของพระเยซูคริสต์สำหรับพวกเราแต่ะคน โดยระบุชื่อและนามสกุลของพวกเราต่อพระบิดาโดยแสดงให้พระองค์เห็นบาดแผล ซึ่งเป็นราคาค่างวดแห่งการไถ่กู้พวกเรา
แม้การสวดภาวนาของพวกเราอาจจะตะกุกตะกัก ถ้าพวกเราสวดด้วยความเชื่อที่หวั่นไหว พวกเราจะต้องไม่เลิกหรือถอดใจที่จะไว้ใจในพระองค์ ลูกไม่รู้ว่าจะต้องสวดภาวนาอย่างไรแต่พระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาสำหรับลูก เมื่อได้รับการสนับสนุนจากการอธิษฐานของพระเยซูคริสต์ การสวดภาวนาที่ไม่เอาไหนของพวกเราก็จะขึ้นอยู่กับปีกของนกอินทรีย์และโผบินขึ้นสู่สวรรค์ จงอย่าลืมว่า พระเยซูคริสต์กำลังอธิษฐานภาวนาเพื่อลูก ในขณะนี้หรือ? ก็ในขณะนี้แหละ ในขณะที่พวกเรากำลังถูกทดลองนี้ ในขณะที่พวกเรามีบาป และแม้แต่ในความบาปพระเยซูคริสต์ก็ยังทรงอธิษฐานเพื่อลูกด้วยในความรักอันหาที่สิ้นสุดมิได้ ขอขอบคุณ
พระสันตะปาปากล่าวต้อนรับ
พ่อขอต้อนรับประชาสัตบุรุษที่พูดภาษาอังกฤษ ขอให้การสมโภชพระวรกายและพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ทำให้เรารับรู้ยิ่งขึ้นถึงการประทับอยู่อย่างแท้จริงของพระเยซูคริสต์ท่ามกลางพวกเราในศีลมหาสนิท ขอวิงวอนความชื่นชมยินดีและสันติสุขของพระเจ้าสถิตอยู่กับพวกลูกและครอบครัวของลูก ขอพระเจ้าโปรดอวยพรท่านทุกคน
สรุปพระดำรัสของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
ลูก ๆ และพี่น้องที่รัก ในการเรียนคำสอนของพวกเราต่อไปเรื่องการสวดภาวนา บัดนี้พวกเราจะพิจารณากันถึงพระเยซูคริสต์ในฐานะที่ทรงเป็นแบบฉบับของการอธิษฐานภาวนาเพื่อบรรดาศิษย์ของพระองค์ พระวรสารแสดงให้พวกเราเห็นว่าพระเยซูคริสต์ทรงเลือกสรรอัครธรรมทูตของพระองค์หลังจากการอธิษฐานภาวนาอย่างจริงจังตลอดคืน ก่อนเหตุการณ์ที่สำคัญในพันธกิจพระเยซูคริสต์ พระองค์จะปลีกตนเองไปอธิษฐานเสียก่อน หลังจากที่อธิษฐานเป็นเวลาเนิ่นนานแล้วพระเยซูคริสต์จะถามศิษย์เกี่ยวกับความเชื่อของพวกเขาในพระองค์ แล้วพระองค์ทรงเผยแสดงให้พวกเขาเห็นถึงการทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระองค์ที่จะตามมา ณ บนภูเขาที่พระองค์ประจักษ์พระวรกายอย่างรุ่งโรจน์ให้กับ เปโตร จอห์น และยากอบได้เห็นพระองค์ทรงอธิษฐานภาวนา พระองค์ทรงเผยให้พวกเขาเห็นถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ในฐานะที่ทรงเป็นพระบุตรของพระบิดา ในการเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้ายพระองค์ให้ความมั่นใจกับเปโตรว่าพระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาสำหรับเขา สำหรับการกลับใจของเขา และสำหรับพันธกิจในอนาคตขอเขา เช่นเดียวกับบรรดาอัครธรรมทูต พวกเราเองก็สามารถที่จะไว้วางใจในการอธิษฐานภาวนาของพระเยซูคริสต์ ซึ่งจะค้ำจุนพวกเราในการเดินทางในความเชื่อและการเป็นศิษย์ของพระองค์ คำสอนของพระศาสนจักรเตือนใจพวกว่าพระเยซูคริสต์ผู้ทรงกลับคืนชีพ ทรงประทับอยู่เบื้องขวาพระบิดา ทรงทูนขอต่อพระพักตร์พระองค์ตลอดเวลาเพื่อพวกเรา (เทียบ ข้อ 2741) ในขณะที่พวกเราพยายามที่จะยืนหยัดอยู่ในการสวดภาวนา ขอให้พวกเรามั่นใจได้ว่าการวอนขอของพวกเราจะลอยขึ้นสู่สวรรค์ ดุจดังอยู่บนปีกนกอินทรีย์พร้อมกับและในพระเยซูคริสต์ ซึ่งจะได้รับคำตอบต่อหน้าพระบัลลังก์ของพระบิดาเจ้าเสมอ
(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บคำสอนการสวดภาวนามาแบ่งปันและไตร่ตรอง)