วันศุกร์, 15 พฤศจิกายน 2567
  

การเข้าเฝ้าแบบทั่วไป (General Audience) วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2021 ณ บริเวณจัตุรัสซานดามาโซ (San Damaso) นครรัฐวาติกัน

คำสอนเกี่ยวกับการสวดภาวนา: 37 – คำภาวนาปัสกาของพระเยซูคริสต์เพื่อพวกเรา

อรุณสวัสดิ์ ลูก ๆ และพี่น้องชายหญิงที่รัก

        พวกเรามีการเรียนรู้กันหลายครั้งหลายตอนในการเรียนคำสอนเกี่ยวกับการสวดภาวนา ซึ่งเป็นบทบาทอย่างหนึ่งที่ชัดเจนที่สุดในชีวิตของพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงสวดภาวนาและทรงสวดตลอดเวลา ในช่วงที่ทรงทำพันธกิจพระเยซูคริสต์ทรงดื่มด่ำในการอธิษฐานภาวนา เพราะการเสวนากับพระบิดาอันเป็นแก่นชีวิตของพระองค์

        พระวรสารยืนยันว่าการอธิษฐานของพระเยซูคริสต์ยิ่งจะเข้มข้นยิ่งขึ้นไปอีกในช่วงที่พระองค์ทรงรับการทรมานและเผชิญความตาย เหตุการณ์สุดยอดแห่งชีวิตของพระองค์กลายเป็นแก่นกลางแห่งการสอนของคริสตชน ในช่วงชั่วโมงท้ายๆ ของพระเยซูคริสต์ ณ กรุงเยรูซาเล็มคือหัวใจแห่งพระวรสาร ไม่เพียงเพราะผู้นิพนธ์พระวรสารสงวนพื้นที่หลายบทไว้เป็นพิเศษในการบอกเล่า แต่เพราะเหตุการณ์แห่งการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระองค์ดุจสายฟ้าแลบที่ส่องสว่างให้กับเวลาแห่งชีวิตที่เหลืออยู่ของพระเยซูคริสต์ พระองค์ได้เป็นและยังทรงเป็นมากกว่านั้น พระองค์ไม่ได้เป็นผู้ใจบุญที่เอาใจใส่ดูแลความทุกข์และความเจ็บป่วยของมวลมนุษย์เท่านั้น พระองค์เป็นอะไรที่มากไปกว่านั้น ในพระองค์ไม่เป็นเพียงแค่องค์คุณงามความดี มีสิ่งประเสริฐที่มากกว่านั้นอีก มีความรอด และไม่ใช่เป็นความรอดเป็นครั้งเป็นคราวประเภทที่อาจช่วยให้ตัวฉันรอดพ้นจากการเจ็บไข้ได้ป่วยหรือจากเวลาที่ตัวฉันสิ้นหวังในชีวิต แต่เป็นความรอดอย่างแท้จริง เป็นความรอดของพระผู้ไถ่กู้ซึ่งให้ความหวังว่าชีวิตจะมีชัยชนะเหนือความตายอย่างแน่นอน

        ในช่วงปัสกาของพระองค์ พวกเราจึงพบพระเยซูคริสต์ทรงดื่มด่ำอย่างที่สุดในการอธิษฐานภาวนา

        การอธิษฐานภาวนาของพระองค์มักจะเป็นที่สวนมะกอกดังที่พวกเราทราบ ซึ่งพระองค์ทรงเป็นทุกข์เจ็บปวดรวดร้าวจนแทบสิ้นชีวิต แต่ในเวลานั้นนั่นเองที่พระเยซูคริสต์ทรงเรียกพระเจ้าว่า “อับบา” บิดา (เทียบ มก. 14:36) ในภาษาอารามิกคำนี้ที่เป็นภาษาของพระเยซูคริสต์แสดงถึงความใกล้ชิดที่แสดงถึงความไว้วางใจ เมื่อรู้สึกว่าความมืดมนมาครอบคลุมพระองค์ พระเยซูคริสต์ก็ทรงทำลายความมืดมนสิ้นหวังด้วยคำพูดนี้ อับบา บิดา

        พระเยซูคริสต์ยังอธิษฐานภาวนาบนไม้กางเขนด้วย ขณะที่ถูกครอบคลุมไปด้วยความเงียบของพระเจ้า นั่นอีกครั้งหนึ่งคำว่า “บิดา” ก็เปล่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์อีกครั้งหนึ่ง นี่เป็นการอธิษฐานที่ร้อนรนที่สุด เพราะบนไม้กางเขนพระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้วิงวอนอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด พระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาเพื่อผู้อื่น พระองค์อธิษฐานเพื่อทุกคนแม้กระทั่งคนที่ประณามพระองค์ แม้กระทั่งคนที่ผิดต่อพระองค์ และคนที่ไม่เข้าข้างพระองค์ ทุกคนเป็นศัตรูหรือเฉยเมยกับพระองค์ มีเพียงแค่ผู้กระทำความผิดอาญาเท่านั้นที่รับรู้ถึงอำนาจของพระองค์ “ข้าแต่พระบิดาโปรดอภัยพวกเขา เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาทำอะไร” (ลก. 23:34) ท่ามกลางโศกนาฏกรรมในความเจ็บปวดแสนสาหัสของร่างกายและวิญญาณ พระเยซูคริสต์ทรงอธิษฐานด้วยคำพูดแห่งบทเพลงสดุดีที่ 22 “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า เหตุใดพระองค์จึงทรงทอดทิ้งข้าพเจ้า?” (ข้อ 2)   พระองค์รู้สึกว่าพระองค์ทรงถูกทอดทิ้งอย่างสิ้นเชิง พระองค์จึงทรงอธิษฐานภาวนา ไม้กางเขนเป็นความสำเร็จแห่งของขวัญของพระบิดาผู้ทรงประทานความรัก กล่าวคือ ความรอดของพวกเราได้ให้ความสำเร็จลุล่วงไป และเมื่อพระองค์ทรงเรียกพระเจ้าว่า “พระเจ้าของลูก” “ข้าแต่พระบิดาเจ้า ลูกขอมอบจิตวิญญาณของลูกไว้กับพระองค์” นั่นคือทุกสิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นคำภาวนาในช่วงสามชั่วโมงบนไม้กางเขน

        ดังนั้นพระเยซูคริสต์ทรงอธิษฐานภาวนาในยามที่เป็นหน้าสิ่วหน้าขวานในช่วงแห่งมหาทรมานและเผชิญความตายของพะองค์ และในการกลับคืนพระชนม์ชีพพระบิดาทรงพอพระทัยกับคำภาวนาเหล่านั้น การอธิษฐานภาวนาของพระเยซูคริสต์นั้นเข้มข้น เป็นเอกลักษณ์พิเศษ และเป็นแบบฉบับแห่งการสวดภาวนาของพวกเรา พระเยซูคริสต์ทรงอธิษฐานภาวนาสำหรับทุกคน สำหรับพ่อ และสำหรับพวกลูก ทุกคนอาจกล่าวว่า “พระเยซูคริสต์ผู้อยู่บนไม้กางเขนก็ทรงอธิษฐานภานาสำหรับลูกด้วย” พระเยซูคริสต์สามารถกล่าวกับทุกคนว่า “เราอธิษฐานภาวนาสำหรับพวกลูกในการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายและบนไม้กางเขน”  แม้ในความเจ็บปวดแห่งความทุกข์ พวกเราจะไม่อยู่ตามลำพัง การอธิษฐานภาวนาพระเยซูคริสต์จะอยู่กับพวกเรา “ข้าแต่บิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ในขณะที่ลูกกำลังฟังเรื่องนี้อยู่ พระเยซูคริสต์ทรงอธิษฐานสำหรับลูกหรือเปล่า?” ฟังสิ พระองค์ยังคงอธิษฐานภาวนาเพื่อพระวาจาของพระองค์จะได้ช่วยให้พวกเราก้าวหน้าต่อไป  ดังนั้นจงสวดภาวนา และจงจำไว้ว่าพระองค์กำลังอธิษฐานภาวนาสำหรับพวกเรา

สำหรับพ่อแล้วนี่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งสวยงามที่สุดที่จะต้องจดจำ นี่เป็นการเรียนคำสอนครั้งสุดท้ายแห่งวงจรของการสวดภาวนา จงระลึกถึงพระหรรษทานที่พวกเราไม่เพียงแค่จะต้องสวดภาวนา แต่อาจจะพูดได้ว่าพวกเราก็มี “ผู้ที่สวดให้พวกเรา” พวกเราได้รับการเสวนาของพระเยซูคริสต์กับพระบิดาในความเป็นหนึ่งเดียวกับพระจิต พระเยซูคริสต์ทรงอธิษฐานภาวนาสำหรับตัวฉัน  พวกเราทุกคนควรเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ พวกเราต้องไม่ลืมการสวดภาวนา แม้ในยามที่เผชิญความทุกข์ยุ่งยากในชีวิตที่สุด พวกเราได้รับการต้อนรับแล้วในการเสวนาของพระเยซูคริสต์กับพระบิดาในความสัมพันธ์กับพระจิต พวกเราได้รับการต้อนรับด้วยพระประสงค์ของพระเยซูคริสต์ และแม้กระทั่งในเวลาแห่งการทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนม์ชีพ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกบูชาเพื่อพวกเรา ดังนั้นด้วยการสวดภาวนาและด้วยชีวิตจะคงเหลือก็เพีงแค่ความกล้าหาญและความหวัง และด้วยสองสิ่งนี้พวกเราจะได้รับการบันดาลใจจากการอธิษฐานของพระเยซูคริสต์ที่จะก้าวต่อไป เพื่อที่ชีวิตของพวกเราจะได้เป็นชีวิตที่ถวายพระสิริมงคลแด่พระเจ้าด้วยความเข้าใจที่ว่าพระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาต่อพระบิดาสำหรับตัวลูกและขอให้รับรู้ว่าพระเยซูคริสต์ทรงภาวนาต่อพระบิดาสำหรับลูก

พระสันตะปาปาทรงกล่าวต้อนรับ

        พ่อขอต้อนรับสัตบุรุษที่พูดภาษาอังกฤษในความเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ผู้เสนอวิงวอนของพวกเราต่อพระบิดาขอให้พวกเรายืนหยัดในการสวดภาวนาเพื่อการกลับใจและความรอดของโลก พ่อขอความชื่นชมยินดีและสันติสุขของพระเยซูคริสต์จงประทับอยู่กับท่านและครอบครัวของลูก ขอพระเจ้าโปรดอวยพรทุกคน

_________________________________________________

สรุปคำปราศรัยของสมเด็จพระสันตะปาปา

        ลูก ๆ และพี่น้องที่รัก วันนี้พวกเราจะจบการเรียนคำสอนด้วยการหันไปพิจารณากันถึงการอธิษฐานภาวนาของพระเยซูคริสต์อีกครั้งหนึ่ง ในช่วงสุดท้ายแห่งชีวิตของพระองค์ การสนทนาอย่างสม่ำเสมอของพระเยซูคริสต์กับพระบิดามีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นในขณะที่เผชิญความตายของพระองค์ใกล้เข้ามา ในการ ”อธิษฐานแห่งสมณะ” ผู้ยิ่งใหญ่ ในการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายพระเยซูคริสต์ทรงวิงวอนเพื่อศิษย์ของพระองค์และสำหรับผู้ที่จะเชื่อโดยอาศัยพระวาจาของพระองค์ ในความทุกข์เจ็บปวดในสวนมะกอกพระองค์ทรงมอบความเจ็บปวดนั้นแด่พระบิดาและน้อมรับพระประสงค์ของพระบิดา ในเวลาที่มืดมนที่สุดแห่งมหาทรมานบนไม้กางเขน พระเยซูคริสต์ยังคงอธิษฐานภาวนาต่อไปด้วยการใช้คำพูดโบราณแห่งบทเพลงสดุดี ทรงเปรียบเทียบพระองค์เฉกเช่นคนยากจนและคนที่ถูกทอดทิ้งของโลก ในเวลาเหล่านั้นพระเยซูคริสต์ผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขนทรงรับเอาภาระแห่งบาปทั้งปวงของโลกไว้กับพระองค์ เพื่อเห็นแก่พวกเราพระองค์ทรงมีประสบการณ์แห่งความเหินห่างที่แบ่งแยกคนบาปจากพระเจ้าและทรงกลายเป็นผู้ทูนวอนสูงสุดนิรันดรสำหรับมนุษยชาติ ในชีวิตของพวกเรากับการสวดภาวนา ขอให้พวกเรารำลึกเสมอว่าพระเยซูคริสต์ไม่เคยว่างเว้นที่จะอธิษฐานสำหรับพวกเราโดยผนึกพวกเราให้เข้ากับการสนทนานิรันดร์ของพระองค์แห่งความรักกับพระบิดาในความสัมพันธ์หนึ่งเดียวกันกับพระจิต

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บการสอนคำสอนของพระสันตะปาปามาแบ่งปันและไตร่ตรอง)