วันเสาร์, 11 มกราคม 2568
  

การเข้าเฝ้าแบบทั่วไป (General Audience) วันที่ 5 พฤษภาคม 2021 ณ ห้องสมุดวาติกัน

 คำสอนเรื่องการสวดภาวนา: 32 การสวดภาวนาแบบชีวิตสมาธิพิศเพ่ง

อรุณสวัสดิ์ ลูก ๆ และ พี่น้องชายหญิงที่รักทั้งหลาย

วันนี้พวกเราจะเรียนคำสอนเรื่องการสวดภาวนากันต่อไป และในครั้งนี้พ่อปรารถนาที่จะไตร่ตรองการสวดภาวนาแบบพิศเพ่ง (contemplative prayer)

มิติการพิศเพ่งของมนุษย์ที่ยังไม่ใช่การภาวนาแบบพิศเพ่งค่อนข้างจะเหมือนเป็น “เกลือ” แห่งชีวิต ซึ่งให้รสชาติ ปรุงแต่งชีวิตประจำวันของพวกเรา พวกเราอาจพิศเพ่งดวงอาทิตย์โดยการจ้องมองไปยังทิศตะวันออกที่แสงทองโผล่ขึ้นมาตอนเช้า หรือมองไปยังต้นไม้ที่เขียวชอุ่มในฤดูใบไม้ผลิ พวกเราสามารถพิศเพ่งด้วยการฟังเสียงดนตรีหรือเสียงนกร้อง ด้วยการอ่านหนังสือ ด้วยการชมงานศิลป์ชั้นยอดเยี่ยมที่เป็นโฉมหน้ามนุษย์… เมื่อ ท่านคาร์โล มารีอา มาร์ตินี (Carlo Maria Martini) ได้รับพันธกิจให้ไปเป็นอาร์บิชอปแห่งมหานครมิลาน ท่านได้เขียนและตั้งชื่อจดหมายเวียนฉบับแรกของท่านว่า มิติการพิศเพ่งแห่งชีวิตเป็นความจริงซึ่งคนที่มีชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ ณ ที่ซึ่งพวกเราอาจกล่าวได้ว่าทุกสิ่งเป็นของเทียม ทุกสิ่งที่ดำเนินไปอยู่นั้นล้วนเสี่ยงที่จะสูญเสียความสารมารถที่จะพิศเพ่ง  เบื้องแรกการพิศเพ่งไม่ใช่เป็นวิธีของการปฏิบัติ แต่เป็นหนทางแห่งการเป็นอยู่

การเป็นผู้พิศเพ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับดวงตา แต่จะขึ้นอยู่กับหัวใจ ณ จุดนี้การสวดภาวนาจะเข้ามามีบทบาทในฐานะที่เป็นการปฏิบัติในความเชื่อและความรัก เฉกเช่น “การหายใจ” ในความสัมพันธ์ของพวกเรากับพระเจ้า การสวดภาวนาชำระใจของพวกเราให้สะอาดบริสุทธิ์และทำให้การพิศเพ่งของพวกเราเห็นภาพอันชัดเจน ทำให้พวกเราสามารถเห็นความจริงจากอีกมุมมองหนึ่งของวิสัยทัศน์ คำสอนอธิบายการเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจที่การสวดภาวนาทำให้บังเกิดผลนี้โดยอ้างถึงประจักษ์พยานอันมีชื่อเสียงของเจ้าวัดผู้ศักดิ์สิทธิ์ (ยอห์น มารีย์ เวียนเนย์) ที่ได้กล่าวว่า “การพิศเพ่งเป็นการมองในความเชื่อที่พิศเพ่งไปยังพระเยซูคริสต์ ‘ข้าพเจ้าพิศเพ่งไปที่พระองค์ และพระองค์ทรงพิศเพ่งมาที่ข้าพเจ้า’ นี่คือสิ่งที่ชาวนาคนหนึ่งมักจะเอ่ยถึงเจ้าวัดผู้ศักดิ์สิทธิ์ในขณะที่สวดภาวนาต่อหน้าตู้ศีลมหาสนิท […] แสงสว่างแห่งพระพักตร์ของพระเยซูคริสต์จะเปิดดวงตาของหัวใจของพวกเราและสอนพวกเราให้มองทุกสิ่งในแสงสว่างแห่งความจริงและพระเมตตาของพระองค์ต่อมนุษย์ทุกคน” (คำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ 2715) ทุกสิ่งมาจากสิ่งนี้ จากหัวใจที่รู้สึกว่าตนถูกพิศเพ่งด้วยความรัก จากนั้นความจริงก็จะมีการพิศเพ่งด้วยสายตาที่แตกต่าง

“ข้าพเจ้ามองไปที่พระองค์ และพระองค์ทรงมองมายังข้าพเจ้า” เป็นเช่นนี้ การพิศเพ่งด้วยความรักอันเป็นคุณสมบัติของการสวดภาวนาภายในที่ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องสวดยืดยาวอย่างมากมาย เพียงแต่พิศเพ่งก็พอแล้ว เป็นการเพียงพอที่จะมั่นใจได้ว่าชีวิตของพวกเราห้อมล้อมไปด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ และความซื่อสัตย์ที่ไม่มีสิ่งใดจะแยกออกไปจากชีวิตของพวกเราได้

พระเยซูคริสต์ทรงเป็นอาจารย์แห่งการพิศเพ่งนี้ ชีวิตของพระองค์ไม่เคยที่จะไม่มีเวลา สถานที่ ความเงียบ ความเป็นหนึ่งเดียวกันซึ่งทำให้การมีชีวิตของพวกเราจะไม่ถูกทำลายไปเพราะการทดลองที่หลี่กเลียงไม่ได้ ทว่าจะดำรงไว้ซึ่งความสวยงามมิให้เสียหาย ความลับของพระองค์คือความสัมพันธ์ของพระองค์กับพระบิดาเจ้าสวรรค์

ตัวอย่าง ขอให้พวกเราลองคิดดูเกี่ยวกับการจำแลงพระกายของพระเยซูคริสต์ พระวรสารเล่าเรื่องนี้ในช่วงสำคัญแห่งพันธกิจของพระองค์ เมื่อศัตรูและการไม่ยอมรับพระองค์ทวีความรุนแรงขึ้นรอบข้างพระองค์ แม้แต่ในบรรดาศิษย์หลายคนก็ไม่อาจเข้าใจพระองค์และหนีจากพระองค์ไป และหนึ่งในสิบสองศิษย์ก็สั่งสมความคิดที่จะทรยศพระองค์ พระเยซูคริสต์ทรงเริ่มกล่าวอย่างปิดเผยถึงมหาทรมานและการสิ้นพระชนม์ที่กำลังรอพระองค์อยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม เป็นบริบทนี้เองที่พระเยซูคริสต์ทรงปีนขึ้นภูเขาสูงพร้อมกับเปโตร ยากอบ และยอห์น พระวรสารโดยนักบุญมาระโกกล่าวว่า “พระองค์ทรงประจักษ์พระวรกายต่อหน้าพวกเขา และอาภรณ์ของพระองค์เป็นประกายแวววับสีขาวเจิดจ้า ซึ่งไม่มีสิ่งในโลกจะนำมาเปรียบเทียบได้” (มก. 9: 2-3) ณ เวลาที่พวกเขาไม่เข้าใจพระเยซูคริสต์ พวกเขาก็หนีจากพระองค์ไป ปล่อยให้พระองค์อยู่ตามลำพังเพราะว่าพวกเขาไม่เข้าใจ ในเวลาที่พวกเขาไม่เข้าใจพระองค์นี้เหมือนกับตอนที่ทุกสิ่งดูเหมือนจะมืดมนในพายุหมุนวกวนในความไม่เข้าใจ นั่นคือเวลาที่แสงสว่างของพระเจ้าจะฉายแสงออกมา นั่นคือแสงสว่างแห่งความรักของพระบิดาทำให้หัวใจของพระบุตรเต็มเปี่ยมและเปลี่ยนแปลงโฉมพระวรกายของพระองค์อย่างสิ้นเชิง

อาจารย์ฝ่ายจิตบางท่านในอดีตเข้าใจการพิศเพ่งว่าเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันกับการกระทำพร้อมกับชื่นชมกับกระแสเรียกเหล่านั้นที่ค่อย ๆ หลุดลอยไปจากโลก และปัญหาเพื่อที่จะอุทิศตนอย่างสิ้นเชิงให้กับการสวดภาวนา ความจริงแล้วพระเยซูคริสต์ทั้งในพระองค์เองและในพระวรสารไม่มีความขัดแย้งกันระหว่างการพิศเพ่งกับการปฏิบัติ ในพระวรสารและในพระเยซูคริสต์ไม่มีความขัดแย้งกัน ทว่าเป็นสองปัจจัยที่ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของสารของคริสตชน

นอกนั้นยังมีการเรียกร้องที่ยิ่งใหญ่เพียงแค่ประการเดียวในพระวรสาร นั่นคือการติดตามพระเยซูคริสต์ในหนทางแห่งความรัก นี่คือสุดยอดและศูนย์กลางของทุกสิ่ง ในความหมายนี้ความรักและการพิศเพ่งเป็นคำที่ใช้แทนกันได้ เป็นการพูดถึงสิ่งเดียวกัน นักบุญจอห์นแห่งไม้กางเขนเชื่อว่าการปฏิบัติความรักเพียงนิดเดียวมีประโยชน์ต่อพระศาสนจักรยิ่งกว่างานทั้งหมดรวมกัน สิ่งที่เกิดจากการสวดภาวนาและไม่ใช่จากการสมมุติของตัวของพวกเรา สิ่งที่ถูกชำระให้สะอาดบริสุทธิ์จากความสุภาพถ่อมตนของพวกเรา แม้ว่าว่าจะไม่มีใครเห็นและเป็นความรักที่ปิดเงียบก็เป็นมหัศจรรย์อันยิ่งใหญ่ที่บรรดาคริสตชนสามารถกระทำได้ และนี่คือหนทางแห่งการสวดภาวนาแบบพิศเพ่ง “ลูกพิศเพ่งไปที่พระองค์และพระองค์ทรงพิศเพ่งมายังลูก” นี่เป็นพฤติกรรมแห่งความรักในการเสวนาที่ปราศจากคำพูดกับพระเยซูคริสต์ที่สร้างความดีให้กับพระศาสนจักรมากมาย  ขอบคุณ


พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงทักทาย

        พ่อขอต้อนรับประชาสัตบุรุษที่พูดภาษาอังกฤษทุกคน  ในการร่วมใจกันสวดสายประคำในเดือนพฤษภาคมอันเป็นเดือนของแม่พระนี้ ขอให้พวกเราพิศเพ่งถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระผู้ไถ่ผู้เสด็จกลับคืนพระชนม์ชีพ ขอพระเมตตาและสันติสุขของพระบิดาเจ้าสถิตอยู่กับพวกลูกและครอบครัวของลูก และขอให้พระเยซูคริสตเจ้าโปรดประทานพระแก่ทุก ๆ คน


        ในเดือนพฤษภาคมนี้ขอให้พวกลูกสวดสายประคำเพื่อยุติโรคระบาด และเพื่อชีวิตสังคม และการทำงานกลับคืนสู่สภาพปกติ วันนี้สักการะสถานพระแม่แห่งสายประคำที่นัมยาง ประเทศเกาหลีใต้จะเป็นผู้นำในการสวดภาวนา พ่อขอร่วมใจกับทุกคนที่ไปยังสักการะสถานเพื่อสวดภาวนาเป็นพิเศษตามจุดประสงค์สำหรับเด็ก ๆ เยาวชน และผู้ใหญ่


สรุปพระดำรัสของพระสันตะปาปาฟรานซิส

        ลูก ๆ และพี่น้องชายหญิงที่รัก ในการเรียนคำสอนของพวกเราต่อไปเรื่องการสวดภาวนา  วันนี้พวกเราจะมาพูดกันถึงเรื่องการสวดภาวนาแบบพิศเพ่ง (contemplative prayer) สำหรับคริสตชนการสวดภาวนาแบบพิศเพ่งเป็นการกระทำที่เกิดจากหัวใจที่พวกเราพิศเพ่งในความความเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ด้วยการไตร่ตรองอย่างเงียบๆ ถึงพระวาจาและพระธรรมล้ำลึกแห่งการไถ่กู้ของพระองค์ เฉกเช่นชาวนาซื่อ ๆ แห่งตำบลอาร์ส ประเทศฝรั่งเศส ได้เล่าว่า นักบุญยอห์น มารีย์ เวียนเนย์ ในการสวดต่อหน้าตู้ศีลมหาสนิท “ลูกพิศเพ่งไปยังพระองค์ และพระองค์ทรงพิศเพ่งมายังลูก” โดยอาศัยการพิศเพ่งในพระเยซูคริสต์ ด้วยวิธีนี้พวกเราสามารถรู้สึกได้กับการพิศเพ่งด้วยความรักของพระองค์ต่อพวกเรา แล้วหัวใจของพวกเราก็จะได้รับการชำระล้างให้บริสุทธิ์ แล้วจะทำให้พวกเราสามารถมองเห็นผู้อื่นในแสงสว่างแห่งความจริง และความเมตตาซึ่งพระเยซูคริสต์นำมาสู่ทุกคน พระเยซูคริสต์เองทรงเป็นแบบฉบับของการสวดภาวนาแบบพิศเพ่งทุกประเภท ท่ามกลางการกระทำพันธกิจทุกอย่างแห่งชีวิตสาธารณะพระองค์ทรงมีเวลาเสมอสำหรับการสวดภาวนา ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวของพระองค์กับพระบิดา ในการประจักษ์พระวรกาย พระเยซูคริสต์ทรงเตรียมตัวอัครธรรมทูตเพื่อการทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ที่จะมาถึงโดยทำให้พวกเขาพิศเพ่งไปยังพระสิริรุ่งโรจน์ในความเป็นพระเจ้าของพระองค์ โดยอาศัยการสวดภาวนาขอให้พวกเรายืนหยัดมั่นคงอยู่ในความเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ในหนทางแห่งความรัก ซึ่งการพิศเพ่งและความรักเมตตาเป็นสิ่งเดียวกัน เพราะดังที่นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของพระศาสนจักรในการสวดภาวนาแบบพิศเพ่งสอนพวกเรา พฤติกรรมอย่างหนึ่งแห่งความรักบริสุทธิ์มีประโยชนสำหรับพระศาสนจักรมากกว่าการกระทำอย่างอื่นๆ ทั้งปวงมารวมกัน

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บการสอนคำสอนของพระสันตะปาปามาแบ่งปันและไตร่ตรอง)