โดยอาศัยพระสมณธรรมนูญ ชื่อ “Pascite Gregem Dei” (จงอภิบาลฝูงแกะของพระเจ้า) สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงปฏิรูปประมวลกฎหมายพระศาสนจักร บรรพที่ 6 ซึ่งเคยได้รับการแก้ไขปรับปรุงมาแล้วโดยพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ที่ใช้ลงโทษความผิดอาญาที่รุนแรง การแก้ไขกฎหมายใหม่ในการใช้เป็นเครื่องมือที่นุ่มนวลกว่า สำหรับนำมาบังคับใช้โดยพลันในการ “หลีกเลี่ยงความชั่วอันรุนแรงกว่าและเพื่อบรรเทาบาดแผลอันเกิดจากความอ่อนแอของมนุษย์”
“จงดูแลอภิบาลฝูงแกะของพระเจ้าไม่ใช่ด้วยข้อจำกัด แต่ด้วยความเต็มใจเนื่องจากสิ่งนี้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า” (เทียบ 1 ปต. 5: 2) สมณธรรมนูญ “Pascite Grgem Dei” ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงปฎิรูปในบรรพที่ 6 แห่งประมวลกฎหมายว่าด้วยโทษอาญาในพระศาสนจักร ซึ่งเริ่มต้นด้วยถ้อยคำปราศรัยของนักบุญเปโตร ข้อความใหม่ที่นำเสนอเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยสำนักข่าวแห่งสันตะสำนัก และสาระของการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 8 ธันวาคม 2021
“เพื่อที่จะตอบสนองได้อย่างเหมาะสมต่อความต้องการของพระศาสนจักรทั่วโลก” พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงอธิบายว่า “สิ่งนี้ปรากฏชัดเจนว่าพระวินัยทางอาญาที่ออกโดยนักบุญจอห์น พอลที่ 2 เมื่อวันที่ 25 มกราคม 1983 ในประมวลกฎหมายพระศาสนจักรจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข และต้องปรับเปลี่ยนในทำนองที่ทำให้ผู้นำพระศาสนจักรสามารถใช้ความรักเชิงอภิบาลในการทำให้กฎหมายเป็นเครื่องมือที่เอื้ออำนวยต่อความรอดของวิญญาณ และเพื่อการแก้ไขซึ่งจะต้องนำมาปฏิบัติโดยทันทีด้วยความรักเชิงอภิบาลเพื่อหลีกเลี่ยงความชั่วที่ร้ายยิ่งกว่า และเพื่อบรรเทาบาดแผลที่เกิดจากความอ่อนแอของมนุษย์”
พระสันตะปาปาฟรานซิสกล่าวว่าสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงปรับปรุงกฎหมายข้อนี้ในปี 2007 ในกระบวนการที่เป็นไป “ในเจตนารมณ์ของความเป็นหมู่คณะและความร่วมมือกัน” กับผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายทั่วโลกรวมถึงสภาบิชอปคาทอลิกต่างๆ รวมทั้งอธิการเจ้าคณะสถาบันนักบวช และสมณกระทรวงในโรมันคูเรีย ผลงานจากการศึกษาอย่างถี่ถ้วนและสลับซับซ้อนถูกมอบให้กับพระสันตะปาปาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020
ในสมณธรรมนูญฉบับใหม่นี้พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงตั้งข้อสังเกตว่าตลอดเวลาหลายศตวรรษพระศาสนจักรได้ตั้งกฎเกณฑ์ในการปฏิบัติ “ซึ่งทำให้ประชากรของพระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของบิชอป” พระองค์ยังเน้นด้วยว่า “ความรักและความเมตตาเรียกร้องให้บิดาต้องปวารณาตนเองที่จะสร้างความถูกต้องให้กับบางสิ่งที่บางครั้งบิดเบี้ยวย้อนแย้ง”
พระองค์อธิบายว่านี่เป็นหน้าที่ “ที่จำเป็นต้องปฏิบัติในฐานะที่เป็นปัจจัยสำคัญแห่งความรักที่เป็นรูปธรรมที่เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ซึ่งไม่เพียงแค่สำหรับพระศาสนจักร ชุมชนคริสตชน และผู้ที่อาจตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายหรือเหยื่อเท่านั้น แต่ยังสำหรับผู้ที่ทำความผิดอาญา ซึ่งต้องการทั้งความเมตตาและการแก้ไขอย่างแท้จริงจากพระศาสนจักรด้วย ในอดีตเกิดความเสียหายอย่างมากมายเพราะขาดความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดที่มีอยู่ในพระศาสนจักรระหว่างการปฏิบัติความรักและการใช้บทลงโทษ เมื่อสภาวะสิ่งแวดล้อมและความยุติธรรมเรียกร้องให้ต้องปฏิบัติ” พระองค์ตรัสว่าแนวโน้มนี้แสดงให้เห็นถึงวิธีคิดซึ่งทำให้การแก้ไขทีมีความยุ่งยากลำบากมากขึ้น “ซึ่งบ่อยครั้งก่อให้เกิดการเป็นที่สะดุดและความสับสนระหว่างบรรดาสัตบุรุษ”
พระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสเพิ่มเติมอีกว่า เพราะฉะนั้น “การละเลยของผู้นำพระศาสนจักรในการใช้ระบบการลงโทษแบบพร่ำเพรื่อจึงแสดงให้เห็นว่าท่านเหล่านั้นไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความถูกต้องและด้วยความซื่อสัตย์” ด้วยความจริง “ความรักเรียกร้องว่าผู้นำพระศาสนจักร (บิชอป) ต้องใช้ระบบลงโทษเท่าที่จำเป็นโดยระลึกเสมอถึงเป้าหมายสำคัญสามประการ ซึ่งทำให้การลงโทษเป็นสิ่งจำเป็นในชุมชนของพระศาสนจักร นั่นคือ 1) การคืนความยุติกรรมให้กับผู้ที่ร้องขอ 2) การแก้ไขอย่างจริงจังของผู้ที่กระทำความผิด และ 3) การชดเชยอย่างสมเหตุผลของการเป็นที่สะดุด”
พระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสว่า “กฎหมายที่แก้ไขเจตนารมณ์ใหม่มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างกับข้อกฎหมายที่มีผลบังคับอยู่ในปัจจุบัน และยังมีการกำหนดบทลงโทษสำหรับความผิดใหม่บางประการด้วย”
พระองค์ตั้งข้อสังเกตว่ากฎหมายพระศาสนจักรในบรรพที่ 6 ยังมีการปรับปรุงขึ้นใหม่ “จากมุมมองเชิงเทคนิคโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานของกฎหมายอาญา เช่น สิทธิของจำเลย ข้อจำกัดทางโทษอาญา การตัดสินที่เหมาะสมมากขึ้นสำหรับการลงโทษ” โดยมอบมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการค้นหาวิธีที่เหมาะสมที่สุดเพื่อนำมาใช้ในในคดีที่เป็นรูปธรรม” และลดดุลยพินิจของผู้ที่มีอำนาจเพื่อเอื้ออำนวยต่อความเป็นเอกภาพของพระศาสนจักรในการใช้กฎหมายว่าด้วยการลงโทษ “โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับความผิดที่สร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วงและเป็นที่สะดุดในชุมชน”
พระธรรมนูญ “Pascite Gregem Dei” (จงดูแลอภิบาลฝูงแกะของพระเจ้า) ฉบับนี้ประกาศมา ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2021 และจะมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2021 เป็นต้นไป
(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บข่าวคราวเรื่องนี้มาแบ่งปันและไตร่ตรองเพื่อการปฏิบัติ)