โป๊ปฟรานซิสเสด็จ “อิรัก” ครั้งประวัติศาสตร์ ประณาม “กลุ่มสุดโต่ง” เข้าโมซุลวันอาทิตย์

รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – โป๊ปฟรานซิสผู้นำคริสตจักรโรมันคาทอลิกเปิดศักราชหน้าใหม่เสด็จอิรักเมื่อวานนี้(6 มี.ค)พบผู้นำจิตวิญญาณชีอะห์ของอิรัก แกรนด์ อยาตุลเลาะห์ อาลี ซิสตานี วัย 90 ปี พร้อมประณามกลุ่มสุดโต่งในนามแห่งศาสนา วันอาทิตย์(7 มี.ค) เสด็จทางฮ.จากเออร์บิลเข้าโมซุล อดีตฐานที่มั่นก่อการร้าย IS

รอยเตอร์รายงานวันนี้(7 มี.ค)ว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกล่าสุดวันอาทิตย์(7)เสด็จมาถึงเมืองโมซุล อดีตฐานที่มั่นกลุ่มก่อการร้าย IS ทางเหนือของอิรักหลังพระองค์เสด็จด้วยเฮลิคอปเตอร์มาจากเมืองเออร์บิลในการเสด็จเยือนอิรักครั้งประวัติศาสตร์ท่ามกลางความวิตกต่อความปลอดภัยและปัญหาโรคระบาดโควิด-19

ซึ่งการเสด็จเยือนโมซุลเป็นวันที่ 3 ของการเดินทางในอิรัก เมืองโมซุลเวลานี้มีชาวคริสเตียนอาศัยอยู่ไม่กี่สิบครอบครัว โดยพระองค์จะสวดภาวนาให้กับผู้เสียชีวิตและพบปะกับพี่น้องชาวคริสต์ในอิรัก

ประชาชนเมืองโมซุลต่างต้อนรับพระประมุขแห่งโฮลีซีด้วยเสื้อผ้าชุดพื้นเมืองสีตระการตา บอลลูน และธง ขณะที่ถนนทั้งเข้า Qaraqosh และรอบๆเมืองเต็มไปด้วยด่านตรวจความปลอดภัย

เกิดขึ้นหลังจากวันเสาร์(6)สมเด็จพระสันตะปาปาวัย 84 พรรษาทรงได้พบกับผู้นำจิตวิญญาณชีอะห์ของอิรัก แกรนด์ อยาตุลเลาะห์ อาลี ซิสตานี (Grand Ayatollah Ali al-Sistani) วัย 90 ปีที่เมืองนาจาฟ(najaf) เป็นครั้งแรกที่โป๊ปฟรานซิสได้มีโอกาสได้พบกับผู้นำระดับสูงของฝ่ายชีอะห์

โดยสถานีโทรทัศน์ อัคบาริยา (Ekhbariya)ของอิรักรายงานภาพรถขบวนคอนวอยขนาดใหญ่ของโป๊ปฟรานเคลื่อนตัวผ่านเมืองนาจาฟ

บีบีซี สื่ออังกฤษชี้ว่า แกรนด์ อยาตุลเลาะห์ อาลี ซิสตานี วัย 90 ปี ถือเป็นผู้นำคนสำคัญในนิกายชีอะห์และเขามีสาวกติดตามหลายล้านคน โดยในการพบปะหารือเกิดขึ้นที่บ้านของเขาเอง และเป็นการพบปะที่ใช้ระยะเวลาราว 50 นาที โดยทั้ง 2 ฝ่ายต่างเผชิญหน้าหารือร่วมกันโดยไม่มีการสวมหน้ากากอนามัยแต่อย่างใด

สื่ออังกฤษรายงานว่า สำนักงานวาติกันแถลงว่า โป๊ปฟรานซิสตรัสยืนยันว่า พลเมืองอิรักที่เป็นชาวคริสต์สมควรสามารถใช้ชีวิตได้ตามเฉกเช่นเดียวกับชาวอิรักอื่นๆทั่วไปทั้งในด้านสันติภาพและความปลอดภัย พร้อมกับสิทธิอย่างสมบูรณ์เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ

และพระองค์ทรงตรัสขอบใจต่อแกรนด์ อยาตุลเลาะห์ อาลี ซิสตานี ที่ออกมาลุกขึ้นพูดเพื่อปกป้องกลุ่มคนที่ตกอยู่ในอันตรายท่ามกลางความรุนแรงและความยากลำบากของอิรัก

โป๊ปตรัสต่อว่า สารแห่งสันติภาพของท่านแกรนด์ อยาตุลเลาะห์ อาลี ซิสตานี ยืนยันความศักดิสิทธิ์ของชีวิตมนุษย์และความสำคัญของความเป็นหนึ่งเดียวของประชาชนชาวอิรัก

และในวันเสาร์(6)พระองค์ยังทรงประณามกลุ่มสุดโต่งในนามแห่งศาสนา โดยในการขึ้นกล่าวที่เมืองอูร์(Ur) ที่เชื่อว่าเป็นที่ประสูติของศาสดาอับราฮัมแห่งศาสนายูดายว่า “พวกเราผู้ที่เชื่อไม่สามารถนิ่งเงียบในขณะที่การก่อการร้ายได้บิดเบือนศาสนา”

และพระองค์ชี้ต่อว่า “แน่นอนที่สุด เราถูกเรียกร้องเพื่อขับไล่ความเข้าใจผิดนานาประการให้ออกไป ขอให้พวกเราโปรดอย่าให้แสงสว่างแห่งสวรรค์จะถูกทำให้มืดมิดด้วยม่านหมอกแห่งความเกลียดชัง”

ทั้งนี้ผู้นำศาสนาจักรคาทอลิกยังได้ยกตัวอย่างชาวยาซิดิสที่เป็นประจักษ์พยานต่อความโหดร้ายของกลุ่มก่อการร้าย IS ผู้รุกราน ที่มีการเสียชีวิตจำนวนมากของชาย เด็กและผู้หญิงถูกลักพาตัว ทรมานทางกายและขายเป็นทาสรวมไปถึงการถูกบังคับให้ต้องเปลี่ยนศาสนา

ในช่วงค่ำวันเสาร์(6)ของการเดินทางเยือนอิรักทั้งหมด 4 วันสมเด็จพระสันตะปาปาได้ทำพิธีมิสซาที่โบสถ์เซต์โยเซฟ คาธีดรอลกลางกรุงแบกแดดท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยหนาแน่นที่มีการส่งกำลังหน่วยรบพิเศษและการตั้งกำแพงคอนกรีตแบร์ริเออร์รอบโบสถ์เพื่อความปลอดภัย

ที่มา : https://m.mgronline.com/Around/detail/9640000022151