จดหมายเวียนจากสภาประมุขบาดหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย
ที่ สสท. 0147/2019
เรื่อง พระศาสนจักรคาทอลิกและคำสอนเกี่ยวกับการปลงศพผู้ล่วงลับและการอนุญาตให้เผาศพได้
ถึง บรรดาคุณพ่อเจ้าวัด บาดหลวง นักบวชชาย-หญิง และสัตบุรุษคริสตชนคาทอลิก
สืบเนื่องมาจากสมณกระทรวงพระสัจธรรมแห่งสันตะสำนัก นครรัฐวาดิกัน ได้ออกเอกสารภายใต้ชื่อว่า “เพื่อนำไปสู่การกลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้า” (Ad Resurgendum Cum Christo) เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 2016 เกี่ยวกับการปลงศพผู้ล่วงลับ สมณมนตรีของสมณกระทรวงดังกล่าวได้แถลงต่อบรรดาผู้นำพระศาสนจักรคาทอลิกและและผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องชีวิตของบรรดาสัตบุรุษ เพราะว่าในหลายประเทศขอร้องให้มีการเผาศพแทนการฝังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมีความเป็นไปได้ว่าการเผาศพจะกลายเป็นปรากฏการณ์ที่เป็นการปฏิบัติแบบธรรมดาสามัญ สำหรับประเด็นนี้จึงมีคำถามตามมาของบรรดาคริสตชนคาทอลิก กล่าวคือ พวกเขาจะต้องจัดการอย่างไรให้เหมาะสมในการการเก็บรักษาเถ้าอัฐิของผู้ล่วงลับ
กฎเกณฑ์การเผาศพมีระบุไว้ในกฎหมายของพระศาสนจักรว่า “พระศาสนจักรคาทอลิกขอแนะนำว่าประเพณีศรัทธาในการฝั่งศพผู้ตายควรที่จะดำรงรักษาไว้ กระนั้นก็ตามพระศาสนจักรมิได้ห้ามการเผาศพ นอกจากว่าการเลือกการเผาศพนั้นมีเหตุผลและเจตนาที่ขัดแย้งกับคำสอนของพระศาสนจักร” ในยุคนี้จำเป็นที่จะต้องชี้ให้เห็นว่าปรากฎการณ์การเผาศพนั้นแพร่หลายอย่างกว้างขวางทั่วไปไม่เว้นแม้แต่ภายในพระศาสนจักร และเกี่ยวกับการเก็บเถ้าอัฐินั้นไม่มีกฎหมายระบุไว้เป็นการเฉพาะ ด้วยเหตุนี้สภาประมุขบาดหลวงคาทอลิกหลายประเทศได้ยกเรื่องนี้เข้าสู่สมณกระทรวงแห่งพระสัจธรรม พร้อมกับตั้งประเด็นคำถามว่า จะเป็นไปได้หรือไม่เกี่ยวกับการเก็บผอบเถ้าอัฐิไว้ภายในบ้าน หรือ ณ สถานที่นอกสุสาน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเอาเถ้าอัฐิไปโปรยบนภูเขา ท้องฟ้า ในทะเล หรือในแม่น้ำ
หลังจากการปรึกษาหารือกับสมณกระทรวงเพื่อการนมัสการพระเจ้าและศีลศักดิ์สิทธิ์ ร่วมกับสมณสภาเพื่อการตีความประมวลกฎหมายของพระศาสนจักร สภาประมุขบาดหลวงโรมันคาทอลิกฯและสภาชีน็อดของบรรดาพระอัยกาแห่งพระศาสนจักรตะวันออก สมณกระทรวงแห่งพระสัจธรรม ณ นครรัฐวาติกัน ได้พิจารณาแล้วว่าสมควรที่จะต้องประกาศคำแนะนำเรื่องการปลงศพของผู้ล่วงลับโดยมีจุดประสงค์ 2 ประการ คือ: ประการแรกเพื่ออธิบายคำสอนและเหตุผลเชิงการอภิบาลเกี่ยวกับค่านิยมที่จะฝังศพผู้ล่วงลับ และ ประการที่สอง เพื่อออกกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการเก็บเถ้าอัฐิในกรณีที่มีการเผาศพ
ก่อนอื่นพระศาสนจักรคาทอลิกยังคงแนะนำอย่างหนักแน่นให้ทำการฝังศพผู้ล่วงลับภายในสุสานหรือในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อื่น เพื่อระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ การฝังร่างกายและการเสด็จกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้า ประเพณีการฝังศพยังคงเป็นวิธีเหมาะสมที่สุดในการแสดงออกถึงความเชื่อและความหวังในการกลับคืนชีพของร่างกาย นอกจากนี้แล้วการฝังศพภายในสุสานหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อื่นยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อ ความศรัทธาและความเคารพอันคู่ควรแก่ร่างกายของสัตบุรุษผู้ล่วงลับ ในการเอาใจใส่ดูแลร่างกายของผู้ล่วงลับนั้นพระศาสนจักรคาทอลิกยืนยันถึงความเชื่อของตนในการกลับคืนชีพของผู้ตายพร้อมกับหลีกเลี่ยงทัศนคติและจารีตพิธีที่มองว่าความตายเป็นความว่างเปล่าของบุคคล หรือเป็นเพียงแค่กระบวนการแห่งการเวียนว่ายตายเกิดใหม่ หรือเป็นการละลายวิญญาณไปในจักรวาลเวหา
หากมีเหตุผลอันชอบธรรมที่ทำให้มีการตัดสินใจเผาศพ ต้องเก็บเถ้าอัฐิของผู้ล่วงลับไว้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งได้แก่สุสานหรือวัด หรือในสถานที่ที่กำหนดไว้เป็นพิเศษสำหรับจุดประสงค์นี้ ไม่อนุญาตให้เก็บเถ้าอัฐิไว้ในบ้าน ในกรณีที่มีสิ่งแวดล้อมสำคัญเป็นพิเศษพร้อมด้วยความเห็นชอบของสภาประมุขบาดหลวงโรมันคาทอลิก หรือสภาสมัชชาซีน็อดของบรรดาพระอัยกาแห่งจารีตตะวันออกเท่านั้นจึงจะสามารถอนุญาตให้มีการเก็บเถ้าอัฐิไว้ในบ้านได้ เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเข้าใจผิดเรื่องสรรพเทวนิยม (pantheism) ธรรมชาตินิยม (naturalism) และอุจเฉจนิยม (nihilism) พระศาสนจักรคาทอลิกไม่อนุญาตให้โปรยเถ้าอัฐิบนท้องฟ้า บนภูเขา บนแผ่นดิน บนน้ำ หรือวิธีอื่น ๆ หรือเพื่อเปลี่ยนเถ้าอัฐิเป็นของที่ระลึกอย่างหนึ่งอย่างใด
นอกจากนั้นพระศาสนจักรคาทอลิกขอให้คริสตชนได้ตระหนักอย่างดีถึงศักดิ์ศรีของตนในฐานะที่เป็นบุตรของพระเจ้า เรากำลังเผชิญหน้ากับการท้าทายเกี่ยวกับพระวรสารเรื่องชีวิตหลังความตาย การยอมรับว่ามนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐที่ถูกสร้างซึ่งมิได้ถูกกำหนดให้สูญหายไปเปล่า ๆ เพราะพระเจ้าเป็นบ่อเกิดและเป้าหมายสุดท้ายของชีวิตมนุษย์ เรามาจากดินและจะกลายเป็นดิน แต่เรารอคอยวันที่จะกลับคืนชีพ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องนำพระวรสารมาอธิบายถึงความหมายของความตายในมิติแห่งความเชื่อในพระคริสตเจ้าผู้ทรงเสด็จกลับคืนพระชนมชีพ ดังนั้น “การกลับคืนชีพของผู้ล่วงลับเป็นความเชื่อมั่นของคริสตชน”
ธรรมประเพณีของการฝังศพผู้ล่วงลับในความหมายแห่งมิติมนุษยวิทยา ในมุมมองหนึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สอดคล้องกับพระธรรมล้ำลึกแห่งการเสด็จกลับคืนพระชนมชีพของพระเยชูคริสตเจ้า และส่วนอีกมุมมองหนึ่งก็สอดคล้องกับคำสอนเรื่องศักดิ์ศรีแห่งร่ายกายมนุษย์สำหรับพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย สมาชิกของสภาประมุขบาดหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้มีความคิดเห็น และมีมติเบื้องต้นในหลักการดังนี้:
1) ขอให้คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพิธีกรรม ดำเนินงานศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการเผาศพในทุก ๆด้านเพื่อจะนำมาเป็นข้อมูลชี้แจงต่อบรรดาคริสตชนคาทอลิกในภายหลัง
2) ในขณะนี้สภาประมุขบาดหลวงฯ หวังว่าบรรดาคริสตชนดาทอลิกชาวไทยจะไม่เกิดความสับสนเกี่ยวกับคำสอนเรื่องการอนุญาตเผาศพได้ อย่างไรก็ตามประเด็นนี้จะมีการชี้แจงเรื่องนี้ผ่านทางสื่อมวลชนต่อไป เพราะโดยทั่วไปบรรดาสัตบุรุษของพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทยไม่สู้มีปัญหาเกี่ยวกับการรักษาไว้ซึ่งประเพณีดั่งเดิมของพระศาสนจักรคาทอลิกเกี่ยวกับการฝังศพ ส่วนผู้ที่ขออนุญาตทำการเผาศพนั้นยังมีจำนวนไม่มากนัก นอกนั้นยังมีคริสตชนบางท่านประสงค์ที่จะมอบร่างกายของตนเองเพื่อเป็น “อาจารย์ใหญ่” ให้แก่สถาบันนักศึกษาแพทย์ ซึ่งสภาประมุขบาดหลวงคาทอลิกๆ จะค่อย ๆทำความเข้าใจในหลักการปฏิบัติ และให้ความรู้เป็นระยะๆต่อไป
3) ขอให้นำเรื่องนี้เสนอให้แก่บรรดาคุณพ่อบาดหลวงเจ้าวัด เพื่อจะได้นำไปถ่ายทอดแก่บาดหลวงผู้ร่วมงาน นักบวชชายหญิง และเพื่อให้ทุกคนได้ชี้แจงให้แก่สัตบุรุษได้รับทราบเรื่องนี้ เพื่อให้สมาชิกในพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทยจะได้มีความรู้ ความเข้าใจ และปฏิบัติอย่างถูกต้อง
วันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 2019 วันอาทิตย์ปาสกา
พระคาร์ดินัลฟรังชิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช
ประธานสภาประมุขบาดหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย
+ฟรังชิสเซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์
เลขาธิการสภาประมุขบาดหลวงฯ