อรุณสวัสดิ์ ลูก ๆ และ พี่น้องชายหญิงที่รักทั้งหลาย
ภาพจากการเริ่มต้นของจารีตพิธีกรรมในวันนี้ (ดู ยน. 6: 24-35) แสดงให้พวกเราเห็นว่ามีเรือบางลำกำลังแล่นสู่ชายฝั่งเมืองกาเปอร์นาอุม ฝูงชนกำลังตามไปพบพระเยซูคริสต์ พวกเราอาจคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ดี ทว่าพระวรสารสอนพวกเราว่านี่ยังไม่เป็นการเพียงพอในการแสวงหาพระเจ้า พวกเราต้องถามตัวพวกเราเองด้วยเหมือนว่าเพราะเหตุใดพวกเราจึงแสวงหาพระองค์ ที่จริงพระเยซูคริสต์ตรัสว่า “ท่านตามหาเราไม่ใช่เพราะว่าท่านเห็นเครื่องหมาย แต่เพราะว่าท่านได้รับประทานขนมปังจนอิ่มหนำ” (ข้อ 26) ความจริงผู้คนได้เห็นอัศจรรย์ในการทวีขนมปัง แต่พวกเขาไม่เข้าใจความหมายแท้จริงแห่งปรากฎการณ์นั้น พวกเขาหยุดอยู่แค่อัศจรรย์ภายนอก พวกเขาหยุดเพียงแค่ขนมปังที่เป็นวัตถุ พวกเขาหยุดเพียงแค่นั้นโดยไม่มองข้ามไปไกลกว่านั้นเพื่อแสวงหาความหมายที่แท้จริง
ดังนั้นนี่จึงเป้นคำถามแรกที่พวกเราอาจต้องถามตัวพวกเราเอง เหตุใดพวกเราจึงแสวงหาพระเยซูคริสต์? เหตุใดฉันจึงแสวงหาพระองค์? สิ่งใดเป็นแรงบันดาลใจให้กับความเชื่อของฉันและของพวกเรา? พวกเราควรที่จะไตร่ตรองประเด็นนี้ เพราะท่ามกลางการล่อลวงต่างๆ ที่พวกเราเผชิญในชีวิตนี้มีสิ่งหนึ่งที่พวกเราอาจเรียกได้ว่าเป็น การล่อลวงให้หลงนับถือพระเท็จเทียม เป็นการล่อลวงที่ทำให้พวกเราแสวงหาพระเจ้าเพื่อประโยชน์ของตัวพวกเราเอง เพื่อที่จะสามารถแก้ปัญหา เพื่อขอบคุณพระองค์ที่พวกเราไม่สามารถได้สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเราด้วยน้ำมือของพวกเราเอง แต่การกระทำดังกล่าว ความเชื่อจะเป็นเพียงความเชื่อเพียงผิวเผิน และพ่ออาจกล่าวได้ว่าความเชื่อคืออัศจรรย์ พวกเราหันหน้าไปหาพระเจ้าเพื่อที่พระองค์จะทรงเลี้ยงดูพวกเราแล้วพวกเราก็ลืมพระองค์หลังจากที่พวกเราอิ่มหนำสำราญแล้ว ณ ศูนย์กลางแห่งความเชื่อที่ไม่มีวุฒิภาวะนี้ไม่ใช่พระเจ้า แต่เป็นความต้องการของพวกเรา พวกเราคิดถึงเพียงแค่ผลประโยชน์ของพวกเรา คิดถึงหลายสิ่งหลายอย่าง… เป็นสิ่งถูกต้องแล้วที่พวกเรามอบความต้องการของพวกเราไว้กับดวงพระทัยของพระเจ้า พระเจ้าผู้ทรงกระทำการเกินกว่าสิ่งต่าง ๆ ที่พวกเราคาดหวัง พระองค์ทรงปรารถนาที่จะดำรงชีวิตอยู่กับพวกเราในความสัมพันธ์แห่งความรัก และความรักแท้จริงจะไม่แสวงหาผลประโยชน์ จะเป็นอิสระ ไม่ได้เป็นความรักที่หวังสิ่งตอบแทน ไม่ใช่เป็นความรักเพื่อประโยชน์ของตน และบ่อยครั้งในชีวิตของพวกเราต่างก็ได้รับแรงบันดาลใจจากผลประโยชน์ส่วนตน
คำถามที่สองที่ฝูงชนถามพระเยซูคริสต์อาจช่วยพวกเราได้ กล่าวคือพวกเราต้องทำอย่างไรเพื่อให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า?” (ข้อ 28) เรื่องราวกับว่าเมื่อฝูงชนได้รับการท้าทายจากพระเยซูคริสต์จึงกล่าวว่า “พวกเราจะชำระการแสวงหาของพวกเราต่อพระเจ้าให้สะอาดได้อย่างไร? พวกเราจะหลุดจากความเชื่อแบบมายากลซึ่งคิดถึงเพียงแค่ประโยชน์ฝ่ายตนไปสู่ความเชื่ออันเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร?” แล้วพระเยซูคริสต์ก็ทรงแสดงให้เห็นหนทาง พระองค์จึงตรัสตอบว่างานของพระเจ้าคือการต้อนรับผู้ที่พระบิดาทรงส่งมา กล่าวคือขอให้ต้อนรับพระเยซูคริสต์ ซึ่งไม่ใช่เป็นการเพิ่มการปฏิบัติสิ่งใดเป็นพิเศษทางศาสนา หรือการปฏิบัติพระบัญญัติพิเศษ ทว่าเป็นการต้อนรับพระเยซูคริสต์มาในชีวิตของพวกเรา ดำเนินชีวิตแห่งความรักด้วยกันกับพระองค์ เป็นพระองค์เองที่จะชำระความเชื่อของพวกเราให้บริสุทธิ์ ลำพังตัวพวกเราเองพวกเราไม่อาจทำสิ่งนี้ได้ แต่พระเยซูคริสต์ทรงต้องการความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพวกเรา ก่อนที่พวกเราจะตอบรับหรือทำสิ่งใด พวกเราต้องรักพระองค์เสียก่อน ความสัมพันธ์กับพระองค์ต้องมาก่อนตรรกะแห่งผลประโยชน์และการคิดคำนวณ
นี่หมายถึงกับพระเจ้า ซึ่งหมายถึงความสัมพันธ์ด้านสังคมมนุษย์ของพวกเราด้วยเมื่อพวกเราแสวงหาสิ่งที่พวกเราต้องการ พวกเราอาจเสี่ยงที่จะใช้ผู้อื่นเป็นเครื่องมือและใช้สถานการณ์อย่างเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นเพื่อประโยชน์ของพวกเรา มีสักกี่ครั้งแล้วที่พวกเรามักจะได้ยินการแสวงหาผลประโยชน์ฝ่ายตน นี่เป็นสิ่งที่ไม่ดีและไม่ควรกระทำ สังคมที่มัวแต่จะตักตวงผลประโยชน์จากผู้อื่นเป็นสังคมที่ไม่ทำให้เกิดชีวิต การเชื้อเชิญของพระวรสารคือ แทนที่จะห่วงกังวลเพียงแค่ขนมปังที่จะเลี้ยงพวกเรา ขอให้พวกเราต้อนรับพระเยซูคริสต์ในฐานะที่เป็น “ปังแห่งชีวิต” และเมื่อเริ่มด้วยการเป็นมิตรกับพระองค์แล้วพวกเราจึงจะเรียนรู้ในการรักกันและกันโดยไม่ใช้ผู้อื่นเป็นเครื่องมือ พวกเราจะเป็นอิสระ มีใจกว้าง และเมตตาสงสารผู้อื่น
บัดนี้ให้พวกเราอธิษฐานภาวนาต่อพระแม่มารีย์พรหมจารี ผู้ทรงเจริญชีวิตในเรื่องราวแห่งความรักอันสวยงามกับพระเจ้า เพื่อที่พระแม่จะได้ประทานพระหรรษทานเพื่อเปิดใจของพวกเราให้ได้พบกับพระบุตรของพระแม่
พระสันตะปาปาฟรานซิสปราศรัยหลังการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว
ลูก ๆ และพี่น้องชายหญิงที่รัก
พ่อขอต้อนรับสัตบุรุษทุกคนที่มาจากกรุงโรมและผู้แสวงบุญจากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในวันอาทิตย์นี้พ่อมีความขื่นชมเป็นพิเศษที่มีโอกาสต้อนรับเยาวชนกลุ่มต่างๆ ทั้งที่มาจากซอปโปลา (Zoppola) แห่งเขตศาสนปกครองคอนกอร์ดา-ปอร์เดนอเน (Concorda-Pordenone) จากโบโลญญ่า (Bologna) ซึ่งขี่จักรยานมาตามทางถนนฟรันชีเจดนา (Via Francigedna) จากเมื่องออร์วิเอโต (Orvieto) สู่กรุงโรม และเยาวชนที่มาจากแคมป์ชั่วคราวในกรุงโรมของคณะ “Sisters Disciples of the Divine Master” และขอต้อนรับเยาวชนและคณะผู้อบรมกลุ่ม “After Us” จากวิลลาไอรีสแห่งกราดีสกุตตา เด วาร์โม (Villa Iris of Gradiscutta de Varmo) ในจังหวัดอูดิเน (Udine)
พ่อเห็นธงชาติของประเทศเปรู ขอต้อนรับชาวเปรูเวียน ซึ่งมีประธานาธิบดีคนใหม่ ขอพระเยซูคริสต์อวยพรประเทศของพวกลูกเสมอ
ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันอาทิตย์นี้และมีเดือนสิงหาคมที่มีแต่สันติสุข… วันนี้อากาศร้อนมาก แต่ขอให้ทุกคนมีสันติสุข โปรดอย่าลืมภาวนาสำหรับพ่อ ขอให้ทุกคนรับประทานอาหารกลางวันอย่างมีความสุข และขอให้ทุกคนเดินทางกลับอย่างปลอดภัย
(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บคำปราศรัยพระสันตะปาปามาแบ่งปันและไตร่ตรอง)