ข้อคิดข้อรำพึง
อาทิตย์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา ปี B
หนทางสู่ชีวิตนิรันดร
พระวรสารของวันอาทิตย์นี้ นักบุญมาระโกได้เผยให้เห็นมุมมองของพระเยซูเจ้าในสามเรื่องด้วยกัน
เรื่องแรกเป็นเรื่องของการยอมรับ หรือการรับเขาเข้ามาเป็นพวกเดียวกับเรา เรื่องนี้สืบความมาจากยอห์นได้มาทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า เราได้เห็นคนคนหนึ่งขับไล่ปีศาจ เดชะพระนามพระองค์ เราจึงพยายามห้ามปรามไว้ เพราะเขาไม่ใช่พวกเดียวกับเรา” มุมมองของบรรดาศิษย์ของพระองค์คือ รู้สึกได้ว่ามีผลกระทบต่อบทบาทของเขา พวกเขาคิดว่ารองจากพระองค์แล้วการขับไล่ผีก็ต้องเป็นหน้าที่ของพวกเขา ไม่ใช่เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ (แถมยังไล่ผีสำเร็จอีกด้วย ในขณะที่นักบุญมาระโกเคยรายงานว่า พ่อของเด็กคนหนึ่งเคยมาฟ้องพระเยซูเจ้าว่าบรรดาศิษย์ของพระองค์ขับไล่ผีให้ลูกของเขาไม่สำเร็จ) แต่พระเยซูเจ้ามิได้ทรงอนาทรร้อนใจ ทรงมุ่งไปถึงจุดหมายปลายทางคือพระอาณาจักรของพระเจ้า ดังนั้นการมาช่วยกันทำงานเพื่อพระอาณาจักรจะได้มาถึง ย่อมดีกว่าการกีดกัน แบ่งเขาแบ่งเรา จึงตรัสชัดเจนว่า “อย่าห้ามเขาเลย ไม่มีใครทำอัศจรรย์ในนามของเรา แล้วต่อมาจะว่าร้ายเราได้ ผู้ใดไม่ต่อต้านเรา ก็เป็นฝ่ายเรา”
ดูเหมือนพระเยซูเจ้าทรงต้องการให้เราเปิดใจให้กว้างเข้าไว้ ยอมรับ ส่งเสริม สนับสนุนกันในการทำความดี ไม่ใช่ว่า ถ้าไม่เป็นพวกของเรา จะทำความดีไม่ได้
เรื่องที่สอง เป็นเรื่องของการต้อนรับคนอื่นๆ อย่างดี “ผู้ใดให้น้ำท่านดื่มเพียงแก้วหนึ่ง เพราะท่านเป็นคนของพระคริสตเจ้า…เขาจะได้บำเหน็จรางวัลอย่างแน่นอน” สำหรับพระเยซูเจ้าแล้ว การต้อนรับคนอื่นๆ อย่างดี ช่วยสร้างพระอาณาจักรของพระเจ้าให้เกิดขึ้นมากเท่าๆ กับการประกาศข่าวดี การเทศน์สอน การรักษาเยียวยา และการขับไล่ผี
เรื่องที่สาม เป็นเรื่องของการเป็นที่สะดุด เรื่องนี้เป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่ทีเดียว ใครที่เป็นสาเหตุให้คนอื่นทำบาป ถ้าถูกผูกคอด้วยหินโม่ถ่วงในทะเลก็ยังดีกว่ากระทำดังกล่าว นอกนั้น ยังทรงสอนให้ยอมสละอะไรก็ตามที่เป็นตัวถ่วงสำหรับการเข้าสู่ชีวิตนิรันดร เช่นยอมตัดมือ ตัดเท้า ควักตาทิ้ง ถ้าสิ่งเหล่านี้เป็นเหตุให้ทำบาป ดีกว่ามีอวัยวะทุกอย่างครบ แต่ถูกโยนลงนรก
ขอยกตัวอย่างนักบุญโทมัส โมร์ ที่ยอมสละชีวิต โดยไม่ยอมลงนามเห็นด้วยกับการกระทำที่ไม่ถูกต้องของกษัตริย์เฮนรี่ ที่8 แห่งประเทศอังกฤษ ในขณะนั้นท่านโทมัส โมร์ เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของประเทศอังกฤษ เมื่อกษัตริย์เฮนรี่ ที่8 ทรงหย่าร้างจากพระราชินีและทรงเสกสมรสใหม่อย่างไม่ถูกกฎหมาย เพื่อป้องกันการต่อต้าน ทรงสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกลำดับขั้นลงนามในเอกสาร พร้อมทั้งสาบานว่าการแต่งงานของพระองค์ชอบด้วยกฎหมาย ใครที่ไม่ยอมลงนามจะถูกจับเข้าคุกในข้อหาเป็นกบฏ โทมัส โมร์ ไม่ยอมลงนาม เพราะท่านเห็นว่าไม่ถูกต้อง จึงถูกจับเข้าคุก ก่อนถูกประหาร ท่านเขียนจดหมายถึงลูกสาว ความว่า
“ลูกรัก พ่อจะไม่ยอมหมดความไว้ใจในพระเจ้า แม้ว่าพ่อจะรู้สึกอ่อนแออย่างมาก และถูกครอบงำด้วยความกลัว พ่อจะจำสิ่งที่นักบุญเปโตรได้ทำ ในขณะที่ลมพายุพัดแรงกล้า และท่านกำลังจะจมลงเพราะขาดความเชื่อ พ่อจะทำเฉกเช่นเดียวกับที่ท่านทำ คือร้องขอพระคริสต์ และภาวนาให้ทรงช่วยเหลือ แล้วนั้นพ่อไว้ใจว่าพระองค์จะทรงยื่นพระหัตถ์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์มาพยุงพ่อไว้ไม่ให้จมลงในทะเลพายุนั้น”
ครับ นี่คือตัวอย่างชีวิตจริงของผู้ที่ยอมสละแม้ชีวิตเพื่อเข้าสู่ชีวิตนิรันดร
(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดพระกุมารเยซู เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2009)