สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงต้อนรับคณะผู้แทนสากลจากฟินแลนด์สู่วาติกัน ก่อนสัปดาห์ภาวนาเพื่อเอกภาพคริสตชน
โดย คริสโตเฟอร์ เวลส์ (Christopher Wells)
17 มกราคม 2022, 10:50 น.
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเริ่มปราศรัยต่อคณะผู้แทนสากลจากฟินแลนด์ด้วยการไตร่ตรองถึงบรรดาโหราจารย์ นักปราชญ์แห่งพระวรสารผู้พบพระกุมารเยซูและได้นมัสการพระองค์
“บรรดาโหราจารย์บรรลุเป้าหมายเพราะพวกเขาแสวงหา” พระสันตะปาปาทรงกล่าว “แต่พวกเขาแสวงหาเพราะว่าพระเจ้าโดยเครื่องหมายของดวงดาว ทรงออกเดินทางเพื่อค้นหาพวกเขาก่อน” เช่นเดียวกับบรรดาโหราจารย์ พระเจ้าก็ทรงแสวงหาเราเช่นกัน “และการตอบสนองของเราต้องเหมือนกับของบรรดาโหราจารย์อย่างแน่นอน: การเดินทางด้วยกัน”
การเดินทางด้วยกัน
• • —– ٠ ✤ ٠ —– • •
สมเด็จพระสันตะปาปาทรงยืนยันว่า “บรรดาผู้ที่ได้รับพระหรรษทานของพระเจ้าไม่สามารถหันกลับมาหาตนเองและดำเนินชีวิตเพื่อตนเองเท่านั้น พวกเขาเดินไปด้วยกันอยู่เสมอ ถูกผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้าเสมอ และก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน”
เช่นเดียวกับบรรดาโหราจารย์ซึ่งธรรมประเพณีแสดงให้เห็นในฐานะตัวแทนของวัฒนธรรมและผู้คนที่หลากหลาย คริสตชนในทุกวันนี้ “ถูกท้าทายที่จะจับมือพี่น้องชายหญิงของเรา… และก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงสนับสนุนคริสตชนให้ช่วยเหลือกันก้าวหน้า “ใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้น”
ในการเดินทางร่วมกันนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาทรงสังเกตว่าบางขั้นตอนง่ายกว่า ทำให้เรา “ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความพากเพียร” พระองค์ทรงยกตัวอย่างงานกิจเมตตา ซึ่งดึงเราให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ไม่เฉพาะกับคนยากจนและคนขัดสนเท่านั้นแต่ยังใกล้ชิดกันอีกด้วย
ในทางกลับกัน บางครั้งการเดินทางสู่เอกภาพเดียวกันอาจยากขึ้น ซึ่ง “อาจเหน็ดเหนื่อยและการล่อลวงให้ท้อแท้ได้
สมเด็จพระสันตะปาปาทรงสนับสนุนให้คริสตชนเตือนตัวเองว่า “เรากำลังเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่ในฐานะผู้ครอบครองพระเจ้าแล้ว แต่เป็นผู้ที่แสวงหาพระองค์ต่อไป” พระองค์ทรงเรียกร้องความกล้าหาญและความอดทนตลอดทางเพื่อให้กำลังใจและสนับสนุนซึ่งกันและกัน
สองช่วงเวลาที่สำคัญ
• • —– ٠ ✤ ٠ —– • •
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงชี้ถึงวันครบรอบสองวาระที่กำลังจะมาถึงว่าเป็น “ช่วงเวลาสำคัญ” ในการเดินทางต่อเนื่องสู่เอกภาพของคริสตชน: วันครบรอบ 1,700 ปี ในปี 2025 ของสังคายนานีเชอา (the Council of Nicea) และวันครบรอบ 500 ปี ของคำยืนยันเรื่องพระของลูเธอรัน เอาส์เบิร์ก (the Lutheran Augsburg confession)
สมเด็จพระสันตะปาปาทรงตั้งข้อสังเกตว่า “คำยืนยันเรื่องพระตรีเอกภาพและตามสัจธรรมว่าด้วยพระคริสต์” (“Trinitarian and Christological confession”) ของนีเชอา (Nicea) ทำให้ผู้ที่ได้รับศีลล้างบาปรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน และพระองค์ทรงสนับสนุนให้คริสตชนทุกคนมีความกระตือรือร้นที่จะติดตามพระคริสต์อีกครั้ง “เพราะคือพระคริสต์” “ชายและหญิง รวมทั้งเราด้วย กำลังแสวงหาโดยไม่รู้ตัว”
คำยืนยันของเอาส์เบิร์ก ในทางกลับกัน เกิดขึ้นในช่วงเวลา “เมื่อคริสตชนกำลังออกเดินทางบนเส้นทางที่แตกต่างกัน” ในช่วงเวลาการปฏิรูปโปรเตสแตนต์ (the Protestant Reformation)
คำยืนยันความเชื่อเป็นความพยายามที่จะรักษาเอกภาพ สมเด็จพระสันตะปาปาทรงตั้งข้อสังเกต แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จในการป้องกันการแบ่งแยก อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงกล่าว วันครบรอบที่จะมาถึงนี้ “สามารถเป็นโอกาสที่ดีในการสนับสนุนและยืนยันเราบนเส้นทางแห่งการเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อเราจะสามารถเชื่อฟังพระประสงค์ของพระเจ้ามากขึ้น และไม่ยึดติดกับกลยุทธ์ของมนุษย์ เต็มใจที่จะปฏิบัติตามเส้นทางที่สวรรค์ชี้ให้เห็นมากกว่าที่จะไล่ตามเป้าหมายทางโลก”
ความฝันของชนพื้นเมือง
• • —– ٠ ✤ ٠ —– • •
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสยังทรงขอบคุณบิชอปยุคก้า เคสคิตาโล (Bishop Jukka Keskitalo) แห่งคริสตจักรอีวังเจลิคัล ลูเธอรันของฟินแลนด์ (the Finnish Evangelical Lutheran Church) ที่ทำตามความฝันของพระองค์เรื่องชนอะมาซอน (Amazonia) ที่เกี่ยวข้องกับชนพื้นเมืองของฟินแลนด์
“มันเกิดขึ้นกับข้าพเจ้า” สมเด็จพระสันตะปาปาทรงกล่าว “ว่าผู้อภิบาลต้องเป็นรูปธรรมกับคน เป็นรูปธรรม แต่ต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองหยุดฝัน ขอบคุณที่ฝัน”
เมื่อไรเราจะมีเอกภาพ
• • —– ٠ ✤ ٠ —– • •
สุดท้าย สมเด็จพระสันตะปาปาทรงถามว่า “เมื่อไรจะมีเอกภาพ” พระองค์ทรงหวนนึกถึงคำพูดของ “นักเทววิทยาออร์โธดอกซ์ผู้ยิ่งใหญ่” (“Great Orthodox Theologian”) ผู้ซึ่งกล่าวว่า “เอกภาพจะอยู่ในอันตกาล (“Unity will be in the eschaton”) นั่นคือไม่…จนกว่าจะอวสานกาล
อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระสันตะปาปาทรงยืนยันว่า “เส้นทางสู่เอกภาพเป็นสิ่งสำคัญ” แม้ว่างานของนักเทววิทยาและผู้เชี่ยวชาญ พระองค์ทรงกล่าวว่า “เป็นการดีเช่นกันที่เราซึ่งเป็นผู้ซื่อสัตย์ของพระเจ้า เดินทางด้วยกัน”
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเชิญคริสตชนให้เดินทางต่อไปร่วมกัน “ในการแสวงหาพระเจ้าอย่างกล้าหาญและเป็นรูปธรรม” และ “ให้การเพ่งมองของเราจดจ่ออยู่ที่พระคริสต์” “ใกล้ชิดกันในการอธิษฐานภาวนา” สมเด็จพระสันตะปาปาทรงกล่าวสรุปโดยนำผู้ที่อยู่ในที่นั้นอธิษฐานภาวนาร่วมกัน
++++++++++
ฟ. วีระ อาภรณ์รัตน์ แปล