ในความเป็นหนึ่งเดียวกันกับบรรดาบิชอปและประชาสัตบุรุษทั่วโลก พ่อขอประกาศอย่างเป็นทางการสำหรับหนทางพิเศษนี้เพื่อที่จะทำให้ทุกคนที่กำลังประสบกับความทุกข์อยู่ในขณะนี้แด่ดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์
ในบทอ่านของพระวรสารสำหรับการสมโภชวันนี้ อัครทูตคาบรียลกล่าวทักทายพระแม่มารีย์สามครั้ง
ครั้งแรกเมื่ออัครทูตกล่าวกับมารีย์ว่า “จงชื่นชมยินดีเถิด ท่านเปี่ยมด้วยหรรษทาน พระเจ้าประทับอยู่กับท่าน” (ลก. 1: 28) เหตุผลที่ต้องชื่นชมยินดีเผยให้เห็นได้จากคำทักทายสองสามคำนั้น “พระเจ้าสถิตกับท่าน” ลูก ๆ และพี่น้องชายหญิงที่รัก วันนี้ท่านสามารถได้ยินเสียงเหล่านั้นที่พูดกับท่าน ท่านสามารถทำให้เป็นคำพูดสำหรับท่านทุกครั้งที่เข้าไปขอรับการอภัยของพระเจ้า เพราะ ณ ที่นั้นพระเจ้าจะตรัสกับท่านว่า “เราประทับอยู่กับท่าน”
บ่อยครั้งเหลือเกินพวกเรามักจะคิดว่าการสารภาพบาปคือการเข้าไปหาพระเจ้าด้วยการมองในลักษณะแบบขอให้ผ่าน ๆ ไปที หรือคิดไปว่านั่นไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โตอะไรที่พวกเราเข้าไปหาพระเจ้า ด้วยความจริงนั่นเป็นพระเจ้าที่เข้ามาหาพวกเราต่างหาก เพื่อที่จะทำให้พวกเราเปียมด้วยพระหรรษทาน ที่พระองค์จะทำให้พวกเราเปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดี การสารภาพบาปของพวกเราทำให้พระบิดาชื่นชมยินดีที่พระองค์สามารถช่วยพยุงให้พวกเราลุกขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับบาปของพวกเราเท่ากับการให้อภัยของพระองค์
ขอให้คิดไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดี หากบาปของพวกเราเป็นหัวใจแห่งเครื่องหมายอันศักดิ์สิทธิ์ แทบทุกสิ่งจะขึ้นอยู่กับตัวเรา ขึ้นอยู่กับความเป็นทุกข์เสียใจของตัวเรา พร้อมกับความพยายามของพวกเรา และกับความตั้งใจของพวกเรา ไม่ใช่เป็นเช่นนั้นทั้งหมด ศีลศักดิ์สิทธิ์จะเกี่ยวกับพระเจ้าผู้ที่ทำให้พวกเราเป็นไท เป็นอิสระและทำให้พวกเราสามารถยืนอยู่บนเท้าของเราได้อีกครั้งหนึ่ง
ขอให้พวกเรารับรู้อย่างดีอีกครั้งหนึ่งถึงความเป็นเลิศแห่งพระหรรษทานและอ้อนวอนขอของขวัญในการรับรู้ว่าการคืนดีของพวกเรากับพระเจ้าไม่เพียงแค่จะเป็นการเริ่มเข้าใกล้พระเจ้าเท่านั้น แต่ยังจะได้รับการสวมกอดจากพระองค์ และจะทำให้พวกเราประหลาดใจและทำให้พวกเรามีความชื่นชมยินดีอย่างเหลือล้น พระเจ้าจะเข้ามาประทับในบ้านของพวกเราเฉกเช่นที่พระองค์ทรงกระทำที่บ้านของมารีย์แห่งตำบลนาซาเร็ธพร้อมทั้งนำความประหลาดใจและความชื่นชมยินดีมาสู่บ้านนั้น
สิ่งสำคัญขอให้พวกเรามองดูสิ่งต่างๆ ตามสายพระเนตรขอพระเจ้า แล้วพวกเราจะพบกับความรักของเรากับเครื่องหมายของการอภัยบาป พวกเราต้องการสิ่งนี้ เพราะการเกิดใหม่ภายในชีวิตทุกอย่าง การฟื้นฟูชีวิตฝ่ายจิต การเริ่มต้นใหม่ จะมาจากการให้อภัยของพระเจ้า ขอให้พวกเราจงอย่าได้ละเลยการขอคืนดีกับพระเจ้า ขอให้พบการคืนดีในฐานะที่เป็นเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์แห่งความชื่นชมยินดี เพราะการอายต่อบาปจะกลายเป็นโอกาสสำหรับประสบการณ์ของการอยู่ในอ้อมกอดด้วยความอบอุ่นของพระบิดาเจ้า พลังอันอ่อนโยนของพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเยียวยารักษาพวกเรา และ “ความอ่อนโยนเยี่ยงมารดา” ของพระจิต นี่คือหัวใจแห่งเครื่องหมายของการอภัยบาป
ลูก ๆ และพี่น้องชายหญิงที่รัก พวกท่านที่เป็นสมณะแห่งศาสนบริกรสำหรับการอภัยของพระเจ้า พวกท่านเป็นผู้มอบให้แก่ผู้ที่เข้ามาหาท่านในความชื่นชมยินดีแห่งการประกาศว่า จงชื่นมยินดีเถิด พระเจ้าประทับอยู่กับท่านแล้ว จงละทิ้งความแข็งกระด้าง อุปสรรคต่าง ๆ และความหยาบคายไปเสีย ขอให้ประตูของท่านจงเปิดกว้างสู่พระเมตตาของพระเจ้าโดยเพาะอย่างยิ่งในเครื่องหมายของการอภัยบาป พวกเราในฐานะสมณะถูกเรียกร้องให้มีพฤติกรรมดุจผู้เลี้ยงแกะที่ดีที่อุ้มลูกแกะไว้ในอ้อมกอด แล้วปลอบโยนลูกแกะแต่ละตัว พวกเราถูกเรีกร้องให้เป็นท่อธารแห่งพระหรรษทานที่หลั่งไหลน้ำทรงชีวิตแห่งพระเมตตาของพระบิดาเจ้าลงสู่ดวงใจที่เหี่ยวแห้ง
พระสันตtปาปาฟรานซิสทรงถวายประเทศยูเครนและประเทศรัสเซียแก่ดวงพระทัยนิรมลของแม่พระ
ครั้งที่สองที่อัครทูตสวรรค์กล่าวกับมารีย์ พระแม่ทรงวุ่นวายพระทัยมากจากคำทักทายนั้น ทูตสวรรค์จึงกล่าวกับพระแม่มารีย์ว่า “อย่ากลัวเลย” (ข้อ 30) ในพระคัมภีร์ทุกครั้งที่พระเจ้าตรัสกับผู้ที่ยอมรับพระองค์ พระองค์ทรงพอพระทัยที่จะกล่าวเช่นนี้ จงอย่าได้กลัวเลย! พระองค์ตรัสเช่นนี้กับอับราฮัม (เทียบ ปฐก. 15: 1) กับอีซาอัก (เทียบ ปฐก. 26: 24) กับยาโคบ (เทียบ ปฐก. 46: 3) ฯลฯ จนกระทั่งถึงโยเซฟ (เทียบ มธ. 1: 20) และมารีย์ โดยอาศัยวิธีนี้พระองค์ทรงส่งสารชัดเจน ซึ่งให้ความบรรเทาใจแก่พวกเรา หากพวกเราเปิดใจให้กับพระองค์ ความกลัวจะไม่มีวันทำให้พวกเราหวั่นไหวตื่นตระหนกได้เลย
ลูก ๆ และพี่น้องชายหญิงที่รัก หากบาปของพวกท่านทำให้พวกท่านตกใจ ถ้าหากเรื่องราวในอดีตรบกวนจิตใจพวกท่าน ถ้าหากบาดแผลของพวกท่านไม่รู้จักหาย ถ้าความล้มเหลวของพวกท่านทำให้ท่านหมดกำลังใจ และดูเหมือนว่าพวกท่านสูญเสียความหวังไป ก็จงอย่าได้กลัวหรือตื่นตระหนกเลย พระเจ้าทรงทราบอย่างดีความอ่อนแอเปราะบางของท่านมากกว่าความผิดของพวกท่าน พระองค์ทรงขอร้องพวกท่านเพียงอย่างเดียว กล่าวคือท่านต้องไม่เก็บความอ่อนแอและความทุกข์ไว้ภายในใจตามลำพัง จงนำทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นไปหาพระองค์ เล่าทุกสิ่งสารพัดให้พระองค์ฟังสำหรับเหตุผลที่ทำให้ท่านท้อแท้ นี่จะเป็นโอกาสทองสำหรับการกลับเป็นขึ้นมาใหม่ ฉะนั้นจงอย่าได้กลัว!
พระแม่มารีย์พรหมจารีจะเฝ้าติดตามพวกเราไป พระแม่ทรงมอบความร้อนใจทุกอย่างไว้กับพระเจ้า การแจ้งข่าวของทูตสวรรค์น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พระแม่หวั่นกลัว ทูตสวรรค์แจ้งข่าวในสิ่งที่พระแม่ทรงคิดไม่ถึงและเกินความสามารถของพระแม่เอง นั่นเป็นอะไรที่โดยลำพังพระแม่ไม่สามารถที่จะรับได้ นี่นคงจะมีความยุ่งยากซับซ้อน มีปัญหาขัดแย้งแน่นอนกับบทบัญญัติของโมเสส กับโยเซฟคู้หมั้น กับประชาชนในหมู่บ้านของตนเอง ทว่ามารีย์ก็มิได้ปฏิเสธ เพราะคำพูดเหล่านั้น – จงอย่าได้กลัวเลย – นั่นเป็นการเพียงพอแล้วสำหรับพระแม่ การยืนยันของพระเจ้าเป็นการเพียงพอแล้วสำหรับพระแม่ พระแม่ยึดมั่นอยู่กับพระองค์เป็นอันดับแรก เฉกเช่นที่พวกเราต้องการที่จะกระทำในค่ำวันนี้
แต่บ่อยครั้งพวกเรามักกระทำในทางตรงกันข้าม พวกเราเริ่มต้นจากความมั่นใจในตัวเราเองและเมื่อพวกเราสูญเสียความมั่นใจไปพวกเราจึงหันหน้าไปหาพระเจ้า พระแม่ทรงสอนให้พวกเราต้องเริ่มต้นที่พระเจ้า โดยไว้วางใจว่าโดยอาศัยวิธีนี้ทุกสิ่งจะถูกประทานให้พวกเรา (เทียบ มธ. 6: 33) พระแม่เชื้อเชิญให้พวกเราไปยังต้นตอชีวิตที่แท้จริง ซึ่งได้แก่พระเจ้า เพราะพระองค์เป็นผู้เยียวยาสูงสุดแห่งความกลัวและความว่างเปล่าแห่งชีวิต มีข้อความน่ารักอยู่ข้อหนึ่งในสำนักวาติกันที่เตือนใจพวกเราเกี่ยวกับเรื่องนี้ “การหันหนีไปจากพระองค์คือความล้มเหลว การหวนกลบไปหาพระองค์เป็นการลุกขึ้นมาใหม่ การประทับอยู่ในพระองค์คือการมีชีวิต” (เทียบ Saint Augustine, Coliloquies I, 3)
ทุกวันนี้ข่าวตราวและฉากโศกนาฏกรรมแห่งความตาย และแม้กระทั่งลูกระเบิดกำลังทำลายบ้านเมืองมากมายของบรรดาพี่น้องชาวยูเครนที่ไม่มีทางที่จะป้องกัน สงครามอันร้ายกาจที่คร่าชีวิตมนุษย์และสร้างความทุกข์เดือดร้อนให้กับทุกคนทำให้พวกเราต้องร้อนอกร้อนใจและมีความกังวล พวกเรารู้สึกสิ้นหวังและพวกเราไม่อาจที่จะช่วยอะไรได้ พวกเราจำเป็นที่ต้องได้รับการยืนยันว่า “จงอย่าได้กลัวเลย”
ทว่าการยืนยันของลมปากมนุษย์จะไม่เพียงพอ พวกเราต้องการความใกล้ชิดของพระเจ้าและความมั่นใจในการให้อภัยของพระองค์ ซึ่งมีแต่สิ่งนี้เท่านั้นที่จะถอนรากถอนโคนความชั่วร้ายออกไปได้ ที่จะทำให้พวกเราเกิดความเสียใจกลับใจใหม่ และฟื้นฟูสันติสุขแก่ดวงใจของพวกเราได้ ขอให้พวกเราหันกลับไปหาพระเจ้าและการวิงวอนให้อภัยของพระองค์
ครั้งที่สามทูตสวรรค์กล่าวกับมารีย์ว่า “พระจิตจะเสด็จมาเหนือท่าน” (ลก. 1: 35) นี่คือวิธีที่พระเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์เข้ามาในประวัติศาสตร์ ด้วยการมอบพระจิตของพระองค์มาสู่ชาวเรา เพราะในเรื่องราวที่มีความสำคัญโดยลำพังกำลังของพวกเราเองจะไม่เพียงพอ โดยลำพังตัวเราเองพวกเราไม่อาจที่จะสำเร็จได้ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งแห่งประวัติศาสตร์ หรือแม้แต่ปัญหาแห่งหัวใจของพวกเราเอง พวกเราต้องการปรีชาญาณและและอำนาจของพระเจ้าซึ่งได้แก่พระจิต พวกเราต้องการพระจิตองค์แห่งความรัก ผู้ซึ่งจะทรงขับไล่ความเกลียดชัง บรรเทาความขมชื่น ดับความโลภ และกระตุ้นให้พวกเราหลุดพ้นจากความเฉื่อยชา พวกเราต้องการความรักของพระจ้า เพราะความรักของพวกเราเปราะบางและไม่เพียงพอ พวกเราวอนขอหลายสิ่งหลายอย่างจากพระเจ้าแต่บ่อยครั้งเพียงใดที่พวกเราลืมที่จะขอสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุด และสิ่งที่พระองค์ทรงปรารถนามากที่สุดที่จะประทานให้พวกเรา นั่นคือพระจิตผู้ทรงอำนาจแห่งความรัก
อันที่จริงหากปราศจากซึ่งความรัก พวกเราจะสามารถมอบสิ่งใดให้กับโลกได้หรือ? มีการกล่าวกันไว้ว่าคริสตชนที่ปราศจากความรักก็เป็นเหมือนเข็มที่เย็บผ้าไม่เป็น มันมีจะทิ่มแทง มันจะก่อให้เกิดบาดแผล และหากมันไม่สามารถที่จะเย็บผ้า ที่จะปะผ้า นั่นก็ไร้ประโยชน์ นี่คือสาเหตุที่พวกเราที่ต้องหาวิธีที่จะได้รับการอภัยจากพระเจ้าผู้ทรงเป็นองค์พลังแห่งความรัก เช่นเดียวกันกับพระจิตผู้ทรงเสด็จลงมาเหนือพระแม่มารีย์
หากพวกเราต้องการที่จะเปลี่ยนโลก ประการแรกพวกเราต้องเปลี่ยนหัวใจของตัวเราเองก่อน เพื่อที่จะให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ ขอให้พวกเรายินยอมให้พระแม่มารีย์จูงมือพวกเราไป ขอให้พวกเราเพ่งพิศไปที่ดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์ที่ซึ่งพระเจ้าทรงประทับอยู่ “ผู้ที่ได้รับการยกเว้นจากธรรมชาติที่มีรอยด่างของพวกเรา” มารีย์ “เปี่ยมด้วยหรรษทาน” (ข้อ 28) ดังนั้นพระแม่มารีย์จึงปราศจากมลทิน ในพระแม่ไม่มีร่องรอยแห่งความชั่วร้ายใด ๆ พระเจ้าจึงสามารถเริ่มเรื่องราวใหม่แห่งความรอดและสันติสุข ในพระแม่ประวัติศาสตร์เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง พระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ด้วยการเคาะประตูแห่งดวงหทัยของพระแม่มารีย์
วันนี้เมื่อพวกเราได้รับการฟื้นฟูขึ้นใหม่ด้วยการอภัยของพระเจ้า ขอให้พวกเราเคาะประตูแห่งดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์ด้วย ในความเป็นหนึ่งจิตเดียวกับบรรดาบิชอปและประชาสัตบุรุษทั่วโลก พ่อปรารถนาด้วยความจริงใจที่จะนำทุกคนไปยังดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์ พ่อปรารถนาอย่างยิ่งที่จะรื้อฟื้นต่อพระแม่มารีย์ ในการถวายพระศาสนจักรพร้อมกับมนุษยชาติแด่พระแม่ โดยเฉพาะประเทศยูเครนและประเทศรัสเซีย รวมทั้งประชากรทั้งสองประเทศนั้น ซึ่งเคารพพระแม่ดุจมารดาของตนเองด้วยความรักเยี่ยงบุตร
นี่มิใช่สูตรมายากลแต่อย่างใด ทว่านี่เป็นการกระทำฝ่ายจิต นี่เป็นการกระทำที่เปี่ยมด้วยความไว้วางใจอย่างเต็มเปี่ยมที่ในส่วนจากบรรดาลูกๆ ท่ามกลางความทุกข์ยากแห่งสงครามอันเหี้ยมโหด และไร้ซึ่งความหมายใด ๆ ที่คุกคามโลก พวกเราทุกคนต่างหันหน้าไปยังพระแม่มารีย์โดยมอบความกลัวและความเจ็บปวดไว้กับดวงหทัยอันไร้ซึ่งความมัวหมองของพระแม่ และสะท้อนให้พวกเราเห็นพระเจ้าผู้ทรงเป็นองค์แห่งความดีอันหาขอบเขตมิได้แห่งภราดรภาพและสันติสุข ขอทุกสิ่งทุกอบ่างที่พวกเรามีและพวกเราเป็น เพื่อว่าพระแม่มารีย์ ผู้ที่พระเจ้าทรงมอบให้กับพวกเราจะได้พิทักษ์คุ้มครองและเฝ้าดูแลพวกเรา
แล้วพระแม่ก็ทรงเปล่งวาจาที่สวยงามที่สุดที่ทูตสวรรค์จะนำกลับไปถวายแด่พระเจ้า “ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” (ข้อ 38) นี่ไม่ใช่เป็นการยอมรับแบบขอไปทีหรือแบบจำยอม แต่เป็นความปรารถนาทรงชีวิตที่จะนอบน้อมพระเจ้าผู้ทรงมี “แผนการสำหรับความรุ่งเรืองเพื่อพวกเรา และมิใช่เพื่อความชั่ว” (ยรม. 29: 11) ความปรารถนาของพระแม่มารีย์คือการมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดที่สุดในแผนการแห่งสันติสุขของพระเจ้าสำหรับชาวโลก
ขอให้พวกเราถวายตัวเราเองแด่แม่พระเพื่อที่จะเข้าไปสู่แผนการนี้ เพื่อวางตัวเราเองทั้งหมดในการรับใช้แผนการของพระเจ้า หลังจากพระแม่กล่าวคำว่า “ฟีอัต – Fiat” (ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า) จากนั้นพระมารดาของพระเจ้าก็ออกเดินทางไกลไปสู่ชนบทที่ดาษดื่นด้วยเนินเขา เพื่อเยี่ยมญาติที่กำลังตั้งครรภ์ (เทียบ ลก. 1: 39) บัดนี้ขอพระแม่มารีย์ได้โปรดรับการเดินทางของพวกเราไว้ในพระหัตถ์ของพระแม่ ขอให้พระแม่นำหน้าการเดินทางของพวกเราสู่หนทางที่มีความชันและยากลำบากแห่งภราดรภาพ และขอพระแม่นำการเดินของพวกเราไปตามเส้นทางแห่งสันติสุขด้วยเทอญ อาแมน
(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บบทเทศน์ที่มีพลังของพระสันตะปาปาฟรานซิสมาแบ่งปันและไตร่ตรอง)