เอกสารเตรียมนี้เริ่มต้นด้วยการประกาศว่า “พระศาสนจักรของพระเจ้าถูกเรียกให้มีการประชุมกันในซีนอดของบรรดาบิชอป” (#1) การเปิดประชุมในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2021 ซึ่งเปิดซีนอด ณ กรุงโรม หลังจากนั้นก็เปิดในระดับเขตศาสนปกครองทั่วโลก เป็นการเปิดซีนอดที่พวกเราทุกคนต่างก็มีส่วนร่วมในกระบวนการซีนอด การสรุปที่เตรียมโดยแต่ละเขตศาสนปกครอง (สังฆมณฑล) และจากสภาบิชอปคาทอลิกแต่ละประเทศ รวมทั้งจากพระศาสนจักรที่ปกครองตนเองเป็นเอกสารของซีนอด เพราะฉะนั้น บรรดาบิชอป สภาบิชอปคาทอลิก สภาซีนอดของพระศาสนจักรที่ปกครองตนเอง (sui iuris) จึงถูกขอร้องให้มีการเตรียมด้วยความขยันขันแข็งเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ และความห่วงใยในประเด็นต่าง ๆ ที่ต้องรวบรวมขั้นสุดท้ายที่พวกท่านต้องส่งไปยังกรุงโรมในรูปแบบของการสังเคราะห์บทสรุป
ในมิตินี้เอกสารนี้ขอนำเสนอให้มีการตอบสนองต่อการขอร้องหลายประการที่แสดงถึงการเตรียมการสังเคราะห์บทสรุปที่จะต้องส่งให้สำนักเลขาธิการซีนอดโดยอธิบายถึงการพัฒนาสิ่งที่ผลปรากฏอยู่ในเอกสารเตรียมฯ (ข้อ 31-32) และในหนังสือคู่มือที่เรียกว่า “Vademecum” (ภาคผนวก D) เอกสารนี้มีจุดประสงค์เบื้องต้นที่จะสนับสนุนสภาบิชอปในกระบวนการซีนอดรวมทั้งประมุขของพระศาสนจักรที่ที่ปกครองตนเอง (sui iuris) ในการทำการสรุปของตน ซึ่งยังเป็นประโยชน์สำหรับผู้กำกับกระบวนการก้าวเดินไปด้วยกันภายในแต่ละเขตของพระศาสนจักรปกครองท้องถิ่น และระดับเขตศาสนปกครอง/ระดับวัด ชุมชนชั้นรากหญ้า สมาคม กระบวนการขับเคลื่อน และกลุ่มต่างๆ ด้วย กลุ่มท้องถิ่นแต่ละแห่งได้รับการเชิญให้ปรับบริบทของตนด้วยความคิดที่สร้างสรรค์
1. เป้าหมายของการสรุป
การสรุปเอกสารเตรียมซีนอด แถลงว่า:
การสังเคราะห์บทสรุปที่พระศาสนจักรแต่ละแห่งจะกระทำจะเป็นหลังขั้นตอนของกระบวนการรับฟังและการไตร่ตรองนั้นจะเป็นตัวช่วยการเดินทางของพระศาสนจักรสากล เพื่อที่จะทำให้ขั้นตอนต่อไปของการเดินทางง่ายขึ้นและยั่งยืนขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องสรุปย่อผลแห่งการอธิษฐานภาวนาและการไตร่ตรอง การสังเคราะห์บทสรุปกระทำมากที่สุดไม่เกิน 10 หน้ากระดาษ (A4) หากจำเป็นที่ต้องอธิบายให้แจ่มแจ้งยิ่งขึ้นข้อความอื่นๆ สามารถนำมาใส่ไว้เป็นภาคผนวกได้ (ข้อ 32)
เป้าหมายของการสังเคราะห์บทสรุปไม่ใช่เพื่อที่จะแสดงขั้นตอนตามลำดับของกระบวนการก้าวเดินไปด้วยกันดังที่พวกเรากระทำ แล้วก็ไม่ใช่การรายงานที่ระบุทุกจุดที่โผล่ขึ้นมาในการประชุม ตรงกันข้ามต้องเป็นจุดร่วมแห่งการไตร่ตรองชีวิตฝ่ายจิตที่กระทำด้วยกัน การสังเคราะห์บทสรุปมุ่งที่จะรวบรวมและแสดงผลแห่งกระบวนการก้าวเดินไปด้วยกันในลักษณะที่เข้าใจได้แม้กระทั่งสำหรับบุคคลที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม นี่แสดงให้เห็นว่าการเรียกร้องของพระจิตต่อพระศาสนจักรนั้นถูกเข้าใจในบริบทของท้องถิ่นอย่างไร
2. โครงสร้าง
อะไรที่ตามมาน่าจะเป็นการชี้ให้เห็นถึงโครงสร้างแห่งการสังเคราะห์บทสรุปที่มีความยาวสูงสุดไม่เกิน 10 หน้า
2.1 คำนำ: การอ่านซ้ำประสบการณ์แห่งการก้าวเดินไปด้วยกัน (1-2 หน้า) ชี้ให้เห็นถึงเหตการณ์สำคัญ จุดเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะมิติชีวิตฝ่ายจิตแห่งการเดินทางร่วมกัน (ความยากลำบาก ความประหลาดใจที่เกิดขึ้น ฯลฯ)
2.2 รูปแบบของการสังเคราะห์บทสรุป: การไตร่ตรองที่รวบรวมมาจากจุดต่างๆ (6-7 หน้า)
ในส่วนนี้ของการสังเคราะห์บทสรุปจะเป็นการชี้ให้เห็นถึงการตอบคำถามที่เป็นพื้นฐานต่างๆ ในกระบวนการก้าวเดินไปด้วยกัน (เทียบ เอกสารเตรียม ข้อ 26) ในเรื่องที่เกี่ยวกับเอกสารหลัก (เทียบ ibid ข้อ 30 และหนังสือคู่มือ Vademecum ข้อ 5.3) พร้อมกับเน้นประเด็นสำคัญของความจริงหลักของการไตร่ตรองที่กระทำกันในช่วงแห่งกระบวนการก้าวเดินไปด้วยกัน
2.3 ข้อสรุป: ขั้นตอนต่อไป (1-2 หน้า)
ข้อสรุปจะแสดงขั้นตอนที่กระทำในการตอบคำถาม ซึ่งถือว่าเป็นการเรียกร้องจากพระจิตโดยเน้นเป็นพิเศษถึงจุดเหล่านั้นที่เกี่ยวกับสิ่งที่ถือว่ามีความสำคัญ ซึ่งจะเรียกร้องการไตร่ตรองต่อไปของพระศาสนจักร
2.4 ภาคผนึกเข้าด้วยกัน
นี่อาจจะเป็นประโยชน์หากจะรวมความเห็นทั่วไปเกี่ยวกับบริบทท้องถิ่นโดยรวบรวมความจริงที่มีความสำคัญและสถิติดุจเป็นภูมิหลังที่พวกเราจะนำมาประกอบในการสังเคราะห์บทสรุป ที่จะเป็นประโยชน์พอๆ กันอาจเป็นประจักษ์พยานบางอย่าง การอ้างอิง หรือเรื่องราวจากผู้เข้าร่วมประชุม ซึ่งสงวนความดั้งเดิมแห่งการแสดงออกของพวกเขา อันจะทำให้พวกเรารับรู้อย่างดีถึงมิติแห่งชีวิตฝ่ายจิตและอารมณ์แห่งประสบการณ์ของทุก ๆ คน ไม่ว่าจะในกรณีใด ๆ ภาคผนวกไม่มีการบังคับเพียงแต่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติม การสรุปควรมีข้อมูลทุกอย่างที่สำคัญเกี่ยวกับวิธีการที่ใช้ และผลที่ได้รับ และเพราะฉะนั้นจึงเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับการตอบสนองที่พระศาสนจักรแต่ละแห่งมอบให้กับการก้าวไปด้วยกันของพระศาสนจักรสากล
3. การเตรียมการสังเคราะห์บทสรุป
ความระมัดระวังบางประการอาจเป็นประโยชน์ในกระบวนการของการก้าวเดินไปด้วยกัน
3.1 การรวบรวมเอกสาร
ควรตั้งกฎเกณฑ์ให้ชัดเจนว่าคำตอบจะต้องนำแสดงในกรอบ การบริหารจัดการ และเก็บรักษาอย่างไร และนโยบายในการเก็บเอกสารจำนวนมากควรจะต้องมีการกำหนดให้ชัดเจน ปริมาณเช่นไร (เช่น คำถามที่สำคัญต่างๆ) หรือคุณภาพ (เช่น การสัมภาษณ์ กลุ่มเฉพาะ ฯลฯ) การรายงานของการสำรวจ หรือความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญอาจเป็นประโยชน์ในการสนับสนุนคำตอบของกลุ่มที่ก้าวเดินไปด้วยกันในประเด็นของการไตร่ตรอง
3.2 การเลือกกลุ่มที่จะทำการร่างบทสรุป
จากมุมมองของการก้าวเดินไปด้วยกันมีความหมายที่จะให้มีกลุ่มเป็นผู้ร่างการสังเคราะห์ข้อสรุปซึ่งน่าจะเหมาะสมที่เป็นกลุ่ม สมาชิกอื่นๆ ของกลุ่มผู้ร่างบทสรุป อาจกระทำการเลือกจากพื้นฐานแห่งสถานภาพของพวกเขา (อายุ เพศ สภาพชีวิต) ต้นกำเนิดทางภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม ประสบการณ์และ/หรือความเป็นมืออาชีพในสาขาวิชาการต่างๆ (วิทยาศาสตร์ เรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ ความเชี่ยวชาญด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ การตรวจสอบบทความ ฯลฯ) โดยเอาใจใส่เป็นพิเศษต่อผู้ที่สามารถรับฟังและเข้าใจเสียงของชนกลุ่มน้อย คนยากจน และบุคคลที่อยู่ตามชายขอบสังคม ในทำนองเดียวกันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องสร้างหลักประกันถึงการมีส่วนร่วมของกลุ่มที่เล็กกว่าซึ่งเป็นแกนนำ (เช่น 2-3 คน) ซึ่งมีความชำนาญเรื่องการเขียน ซึ่งเราอาจมอบหน้าที่ให้พวกเขาเป็นผู้เขียนการร่างได้
3.3 กำหนดวิธีการทำงาน
เมื่อตั้งกลุ่มผู้ร่างได้แล้ว ควรชี้ให้ชัดเจนว่าใครจะเป็นหัวหน้าชี้นำการทำงาน และจะมีการตัดสินใจกันอย่างไรในกรณีที่เกิดมีความขัดแย้งกัน หากกลุ่มนั้นใหญ่มาก อาจช่วยได้หากจะมีคณะกรรมการกลุ่มเล็กชั่วคราวที่จะเป็นผู้ตัดสิน นอกจากนี้แล้ววิธีที่กลุ่มนี้ทำงานต้องมีความชัดเจน ต้องชี้ให้เห็นถึงขั้นตอนต่างๆ ที่จะบรรลุถึงสรุปสุดท้ายของกรอบเวลาที่ต้องส่งเอกสาร อุปกรณ์บางอย่างของคอมพิวเตอร์ (เช่น Keyword tagging software หรือ word clouding programs) ที่สามารถช่วยวิเคราะห์เอกสารที่รวบรวมมาได้ ทว่านี่ไม่สามารมาทดแทนงานของการอ่านซ้ำและการสรุปภายใต้แสงสว่างแห่งความเชื่อ ซึ่งต้องเป็นตัวกำหนดการพัฒนารายงานขั้นสุดท้าย บิชอปเป็นผู้รับผิดชอบกระบวนการก้าวเดินไปด้วยกันในระดับต่างๆ (ระดับเขตศาสนปกครอง ระดับชาติ ฯลฯ) ดังนั้นแม้แต่การมีส่วนร่วมที่จำเป็นของกลุ่มร่างสังเคราะห์บทสรุปบรรดาบิชอปต้องรับผิดชอบในการชี้นำการไตร่ตรองด้วยการกำหนดรูปแบของการอธิบาย การอภิปราย และการอนุมัติข้อสรุป
4. กระบวนการร่างการสังเคราะห์บทสรุป
โดยมีพื้นฐานอยู่กับวิธีที่ใช้ในการประชุมซีนอดของบรรดาบิชอป และกระบวนการประชุมสมัชชาอื่นๆ มีการเสนอบางขั้นตอนให้มีการปรับตามวัฒนธรรมและบริบทของท้องถิ่น
4.1 การอ่านรายงานที่ได้รับมา
การอ่านรายงานที่รวบรวมมาควรกระทำในบรรยากาศแห่งการสวดภาวนาและการไตร่ตรอง การระลึกถึงบริบทวัฒนธรรมจากสถานที่ที่ส่งมา เริ่มจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของตนเอง ผู้ที่เข้าร่วมในขั้นตอนนี้จะพยายามที่จะค้นหาสิ่งต่อไปนี้จากรายงานที่ตนอ่าน:
- นวัตกรรมและปัจจัยให้ความสว่างที่น่าสนใจ มีอะไรบ้างที่เกี่ยวกับคำถามซึ่งชี้นำการเดินทางของก้าวเดินไปด้วยกัน?
- มีอุปสรรค ความยุ่งยาก หรือความกังวลอะไรบ้างที่แสดงออกมา? มีการชี้ให้เห็นสาเหตุอะไรบ้าง? ขณะที่ดำเนินงานต่อไปควรใส่ใจต่อสิ่งต่าง ๆ เช่น
- แนวโน้มทั่วไปแห่งการเห็นพ้องต้องกัน (ไม่จำเป็นต้องเป็นเอกฉัน)
- ความเห็นต่างและเสียง “แบบตกร่อง” หรือเสียงส่วนน้อยที่ชี้ให้เห็นความคิดที่แตกต่างภายในประชากรของพระเจ้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระจิตทรงขอร้องอะไรจากพระศาสนจักร
4.2 ค้นหาประเด็นที่มีความสำคัญ
การอ่านด้วยวิธีที่อธิบายไว้ข้างต้นจะทำให้เป็นไปได้ที่จะพบกับจุดนำจำนวนหนึ่ง จะเป็นชุดหนึ่งที่มองเห็นการณ์ไกล และมองเห็นปัญหาซึ่งเป็นไปได้ที่จะรวบรวมมาผนึกเข้าด้วยกันจากการอ่านซึ่งตนเห็นว่าจะเป็นประเด็นนำ วิธีของการสนทนาฝ่ายจิตสามารถเป็นประโยชน์ได้ในการแบ่งปันผลแห่งงานของปัจเจกบุคคลแล้วนำมาสร้างการเห็นพ้องต้องกัน
4.3 การร่างบทสังเคราะห์ข้อสรุป
การบันทึกประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นจะช่วยให้สามารถสร้างโครงสร้างให้กับการสังเคราะห์บทสรุป นี่จะตามมาด้วยการทำร่างฉบับงแรก ซึ่งจะนำไปมอบให้กับกลุ่มที่มีประสบการณ์มากกว่าในการร่างดังที่ระบุไว้ในข้อ 3.2 ร่างนี้จะได้รับการกลั่นกรองจากสมาชิกอื่นๆ ของคณะผู้ร่างการสังเคราะห์ข้อสรุป จนกระทั่งมีการเห็นพ้องต้องกันว่าความมั่งคั่งที่มีอยู่ในบทสรุปนั้นถูกนำมาแสดงได้อย่างเพียงพอ
งานนี้ไม่ได้มุ่งที่จะเปลี่ยนรูปโฉมของความแตกต่างหรือที่จะสมานฉันเสียงจากภายนอกโดยวิธีการแบบเทียม ๆ ความขัดแย้ง ความตึงเครียด และปัญหาที่ยุ่งยากอาจปรากฏอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งในรายงานที่รวบรวมมา และระหว่างผู้ที่ทำการร่างเอง การก้าวเดินไปด้วยกันจะแสวงหาและกำหนดว่าจะต้องเดินไปในทิศใด เพื่อที่จะสามารถไตร่ตรองแยกแยะสิ่งที่ดูเหมือนมาจากพระเจ้า หากการทำเช่นนี้เป็นไปไม่ได้เพราะความตึงเครียดอาจนำมารายงานได้ในข้อสรุปกับเรื่องที่เกิดขึ้น สุดท้าย นี่อาจเป็นเรื่องน่าสนใจที่จะรักษากลิ่นของท้องถิ่นหรือสูตรที่มีความหมายโดยอาศัยการอ้างอิงจากเสียงของผู้เข้าร่วมประชุมในกระบวนของการก้าวเดินไปด้วยกันหรือจากรายงานที่รวบรวมมา
4.4 เสียงสะท้อนกลับและการแก้ไข
เมื่องานของคณะร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว คงจะเป็นการดีที่จะส่งข้อสรุป (เป็นความลับ) ไปยังสองสามบุคคลที่มีส่วนร่วมในกระบวนการก้าวเดินไปด้วยกัน โดยเริ่มต้นจากผู้ที่มีความรับผิดชอบเพื่อที่จะรวบรวมเสียงสะท้อนกลับและปรับข้อความตามที่ดูเหมือนจะเหมาะสมมากกว่า
สภาบิชอปคาทอลิก พระศาสนจักรที่มีอำนาจทีปกครองตนเอง หรือเขตศาสนปกครองอาจรู้สึกว่าตนถูกเรียกร้องให้ต้องดำเนินการกับขั้นตอนนี้ด้วยการส่งร่างข้อสรุปไปยังประชากรองพระเจ้า เพื่อที่จะรับเสียงสะท้อนกลับ (การฟีดแบค) เพิ่มขึ้นรวมถึงข้อเสนอของพวกเขาด้วย การปรึกษาหารือกันเพิ่มขึ้นนี้อาจทำให้ข้อสรุปมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นพร้อมกับวางรากสำหรับภาคปฏิบัติติต่อไป เมื่อสิ้นสุดกระบวนการแล้วการจัดให้มีบรรณาธิการสำหรับเอกสารนี้เป็นสิ่งจำเป็น และเพื่อที่จะจำกัดความยาวของรายงานให้อยู่ภายในกรอบของความยาวด้วย
4.5 การทบทวนกระบวนการ
เมื่อถึงจุดนี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์ที่จะใช้เวลาพร้อมกับการสวดภาวนาในการอ่านซ้ำกระบวนการก้าวเดินไปด้วยกันทั้งหมด (รวมถึงขั้นแห่งการร่างข้อสรุปด้วย) ผลของการอ่านซ้ำนี้อาจทำให้คำนำของการสรุปมีความมั่งคั่งยิ่งขึ้น (ดู 2.1 ข้างบน)นประโยชน์ทจใชเวพรอมกบภวนในกรอนซกรบวนกรดวเดนไปดวยกนทงหมด
4.6 การทำให้มีผลที่ดีและการอนุมัติ
การที่จะส่งเอกสารไปยังระดับต่อไป (เช่นจากเขตศาสนปกครองถึงสภาบิชอป/สภาซีนอดที่มีอำนาจปกครองตนเอง จากสภาบิชอปสู่สำนักเลขาธิการแห่งซีนอด กรุงโรม) การสังเคราะห์ข้อสรุปต้องมีการตรวจสอบโดยละเอียด และได้รับการเห็นชอบตามระเบียบที่กำหนดไว้ในการเริ่มต้นของกระบวนการ (เทียบ ข้อ 3.3 ข้างบน) มากไปกว่าความกังวลเกี่ยวกับข้อสรุปพิเศษ ผู้ที่รับผิดชอบในการอนุมิติขั้นสุดท้ายมีหน้าที่ต้องสร้างหลักประกันว่าข้อสรุปนั้นเป็นผลของการก้าวเดินไปอย่างถูกต้อง โดยให้ความเคารพต่อกระบวนการก้าวเดินไปด้วยกันที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง
สำหรับทรัพยากรและข้อมูลเพิ่มเติมในการเตรียมข้อสรุป เราขอเชิญให้ท่านเข้าเยี่ยมเว็บไซต์ www.synod.va และเว็บไซต์ที่สนับสนุน www.synodresources.org และ www.prayforthesunpd.va
(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บเอกสารนี้มาแบ่งปันกับผู้ที่เกี่ยวข้องเรื่องซีนอดและประชากรของพระเจ้า)